พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๑๑. วันทนวิมาน ว่าด้วยวันทนวิมาน

 
บ้านธัมมะ
วันที่  16 พ.ย. 2564
หมายเลข  40299
อ่าน  395

[เล่มที่ 48] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 394

๑. อิตถิวิมานวัตถุ

มัญชิฏฐกวรรคที่ ๔

๑๑. วันทนวิมาน

ว่าด้วยวันทนวิมาน


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 48]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 394

๑๑. วันทนวิมาน

ว่าด้วยวันทนวิมาน

[๔๙] ดูราเทพธิดา ท่านมีวรรณะงาม เปล่งรัศมีสว่างไปทุกทิศ เหมือนดาวประกายพรึก เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.

ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 395

เทวดานั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ครั้งเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก ดีฉันเห็นสมณะทั้งหลายผู้มีศีล ไหว้เท้าทั้งหลายทำใจให้เลื่อมใส อนึ่ง ดีฉันปลื้มใจได้กระทำอัญชลี เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ดีฉัน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน.

ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอกพระคุณเจ้า ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ดีฉันได้กระทำบุญอันใดไว้ เพราะบุญอันนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีของดีฉันจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบวันทนวิมาน

อรรถกถาวันทนวิมาน

วันทนวิมาน มีคาถาว่า อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน เป็นต้น. วันทนวิมานนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?

พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ กรุงสาวัตถี สมัยนั้นภิกษุมากรูปด้วยกัน อยู่จำพรรษาในอาวาสใกล้บ้านแห่งหนึ่ง ครั้นออกพรรษา ปวารณาแล้ว เก็บงำเสนาสนะ ถือบาตรจีวรเดินมุ่งไปกรุงสาวัตถี เพื่อ

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 396

เฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ผ่านไปกลางหมู่บ้านตำบลหนึ่ง. หญิงคนหนึ่งในหมู่บ้านนั้น เห็นภิกษุทั้งหลายมีจิตเลื่อมใสเกิดความเคารพอย่างมาก ไหว้ด้วยเบญจางคประดิษฐ์ แล้วประคองอัญชลีไว้เหนือศีรษะ ยืนลืมตาที่แสดงความเลื่อมใส แลดูอยู่จนภิกษุทั้งหลายลับตาไป.

สมัยต่อมา หญิงนั้นทำกาลกิริยาตายไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ครั้งนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้สอบถามเทพธิดานั้น ผู้เสวยทิพยสมบัติอยู่ในดาวดึงส์นั้น ด้วยคาถาเหล่านี้ว่า

ดูก่อนเทพธิดา ท่านมีวรรณะงาม เปล่งรัศมีสว่างไปทุกทิศ เหมือนดาวประกายพรึก เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดขึ้นแก่ท่าน.

ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีของ ท่านจึงสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ.

เทพธิดานั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถาม แล้วก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ครั้งเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก ดีฉันเห็นสมณะทั้งหลายผู้มีศีล ไหว้เท้าทั้งหลายทำใจให้เลื่อมใส อนึ่ง ดีฉันปลื้มใจได้กระทำอัญชลี

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 397

เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ดีฉัน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดขึ้นแก่ดีฉัน.

ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอกพระคุณเจ้า ครั้งเป็นมนุษย์ดีฉันได้กระทำบุญอันใดไว้ เพราะบุญอันนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีของดีฉันจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพธิดาได้พยากรณ์ด้วยคาถาเหล่านี้ ดังกล่าวมาฉะนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สมเณ ได้แก่ ผู้สงบบาป. บทว่า สีลวนฺเต ได้แก่ ผู้ประกอบด้วยคุณคือศีล. บทว่า มนํ ปสาทยึ ความว่า ดีฉันทำจิตให้เลื่อมใสปรารภคุณของสมณะเหล่านั้นว่า พระคุณเจ้าเหล่านั้นดีหนอ เป็นธรรมจารี เป็นพรหมจารี (เป็นผู้ประพฤติธรรม เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์). บทว่า วิตฺตา จหํ อญฺชลิกํ อกาสึ ความว่า ดีฉันยินดี เกิดโสมนัส ไหว้แล้ว. อธิบายว่า แม้เพียงลืมตาที่แย้มบานด้วยความเลื่อมใสแลดูภิกษุทั้งหลายผู้น่ารักยังมีอุปการะมากแก่สัตว์เหล่านี้ จะป่วยกล่าวไปไยถึงการไหว้เล่า. ด้วยเหตุนั้น เทพธิดาจึงกล่าวว่า เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะเช่นนี้ ดังนี้เป็นต้น. คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวมาแล้วนั่นแล.

จบอรรถกถาวันทนวิมาน