พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๔. กักกฏกรสทายกวิมาน ว่าด้วยกักกฏกรสทายกวิมาน

 
บ้านธัมมะ
วันที่  16 พ.ย. 2564
หมายเลข  40305
อ่าน  414

[เล่มที่ 48] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 464

๒. ปุริสวิมานวัตถุ

มหารถวรรคที่ ๕

๔. กักกฏกรสทายกวิมาน

ว่าด้วยกักกฏกรสทายกวิมาน


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 48]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 464

๔. กักกฏกรสทายกวิมาน

ว่าด้วยกักกฏกรสทายกวิมาน

พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า

[๕๔] วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง ๑๒ โยชน์ โดยรอบมีห้องรโหฐาน ๗๐๐ ห้อง โอฬาร มีเสาแก้วไพฑูรย์ ลาดด้วยเครื่องลาดที่ถูกใจ สวยงาม ท่านอยู่ ดื่ม กิน ในวิมานนั้น มีพิณทิพย์บรรเลงไพเราะ มีเบญจกามคุณ มีรสเป็นทิพย์ และเทพนารีแต่งองค์ด้วยเครื่องทองฟ้อนรำอยู่ เพราะบุญอะไร วรรณะของท่านจึงเป็นเช่นนั้น เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.

ดูก่อนเทวะผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 465

เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า ปูทองมีสิบขา ยืนอยู่ที่ประตูคอยเตือนสติให้ระลึก (ถึงกรรม) ได้สง่างาม เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบกักกฏกรสทายกวิมาน

อรรถกถากักกฏกรสทายกวิมาน

กักกฏกรสทายกวิมาน มีคาถาว่า อุจฺจมิทํ มณิถฺณํ วิมานํ เป็นต้น. กักกฏกรสทายกวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?

พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเริ่มเจริญวิปัสสนา เกิดโรคปวดหูขึ้นมา ไม่อาจที่จะขวนขวายวิปัสสนาได้ เพราะมีร่างกายไม่สบาย แม้ประกอบยาต่างๆ ตามวิธีที่หมอทั้งหลายบอก โรคก็ไม่สงบ ภิกษุนั้นได้กราบทูลความนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่า โภชนะที่มีรสปูเป็นสัปปายะแก่เขา จึงตรัสแก่ภิกษุรูปนั้นว่า ภิกษุ เธอจงไปเที่ยวบิณฑบาตที่นาของชาวมคธ.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 466

ภิกษุนั้นคิดว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงเห็นการณ์ไกล คงจักทรงเห็นอะไรๆ เป็นแน่ จึงทูลรับพระพุทธดำรัสว่า สาธุ พระเจ้าข้า ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ถือบาตรจีวรไปนาของชาวมคธ ได้ยืนบิณฑบาตที่ประตูกระท่อมของคนเฝ้านาคนหนึ่ง คนเฝ้านานั้นปรุงอาหารรสปูและหุงข้าวแล้ว คิดว่าพักเสียหน่อยหนึ่งแล้วจึงจักกิน นั่งอยู่ เห็นพระเถระจึงรับบาตร นิมนต์ให้นั่งในกระท่อม ได้ถวายภัตตาหารที่มีรสปู เมื่อพระเถระฉันภัตตาหารนั้นได้หน่อยหนึ่งเท่านั้น โรคปวดหูก็สงบ เหมือนอาบน้ำร้อยหม้อ พระเถระนั้นได้ความสบายใจเพราะอาหารเป็นสัปปายะ น้อมจิตไปโดยวิปัสสนา ยังฉันไม่ทันเสร็จ ก็ทำอาสวะให้สิ้นไปโดยไม่เหลือ ตั้งอยู่ในพระอรหัต กล่าวกะคนเฝ้านาว่า อุบาสก โรคของอาตมาสงบ เพราะฉันบิณฑบาตของท่าน กายและใจสบาย แม้ท่านก็จักปราศจากทุกข์กายทุกข์ใจ ด้วยผลแห่งบุญของท่านนั้น ทำอนุโมทนาแล้วหลีกไป.

สมัยต่อมา คนเฝ้านาตายไปบังเกิดในห้องแก้วไพฑูรย์ ประดับด้วยห้องรโหฐาน ๗๐๐ ห้อง ในวิมานทองเสาแก้วมณี ๑๒ โยชน์ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อนึ่ง ที่ประตูของวิมานนั้น มีปูทองอยู่ในสาแหรกแก้วมุกดา ซึ่งพิสูจน์ถึงกรรมตามที่สั่งสมไว้ ห้อยอยู่ ครั้งนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะไปในดาวดึงส์นั้น โดยนัยที่กล่าวแล้วก่อน เห็นวิมานนั้นแล้ว ได้ถามด้วยคาถาเหล่านี้ว่า

วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง ๑๒ โยชน์ โดยรอบมีห้องรโหฐาน ๗๐๐ ห้อง โอฬาร มีเสาแก้วไพฑูรย์

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 467

ลาดด้วยเครื่องลาดที่ถูกใจ สวยงาม ท่านอยู่ ดื่ม กิน ในวิมานนั้น มีพิณทิพย์บรรเลงไพเราะ มีเบญจกามคุณ มีรสเป็นทิพย์ และเทพนารีแต่งองค์ด้วยเครื่องทองฟ้อนรำอยู่ เพราะบุญอะไร วรรณะของท่านจึงเป็นเช่นนั้น เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.

ดูก่อนเทวะผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรแม้นั้นได้พยากรณ์แก่พระเถระแล้ว เพื่อแสดงความนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์ทั้งหลายกล่าวว่า

เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า ปูทองมีสิบขา ยืนอยู่ที่ประตู คอยเตือนสติให้ระลึก (ถึงกรรม) ได้สง่างาม เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า.

ข้าแก่ภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ข้าพเจ้าขอบอกแก่ ท่านครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าได้ทำบุญใดไว้ เพราะ

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 468

บุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุจฺจํ ได้แก่ ขึ้นสูงไป. บทว่า มณิถูณํ ได้แก่ เสาแก้วมณีมีปัทมราคทับทิมเป็นต้น. บทว่า สมนฺตโต ได้แก่ ทั้ง ๔ ด้าน. บทว่า รุจกตฺถตา ได้แก่ ลาดด้วยแผ่นทองบนพื้นที่นั้นๆ.

บทว่า ปิวสิ ขาทสิ จ ท่านกล่าวหมายน้ำดื่มที่หอมและสุธาโภชน์ที่ใช้ตามระยะกาล. บทว่า ปวทนฺติ แปลว่า บรรเลง. บทว่า ทิพฺพา รสา กาม คุเณตฺถ ปญฺจ ความว่า เบญจกามคุณไม่น้อย มีรสเป็นทิพย์มีอยู่ในที่นี้ คือในวิมานของท่านนี้. บทว่า สุวณฺณฉนฺนา ได้แก่ ประดับด้วยอาภรณ์ทอง.

บทว่า สติสมุปฺปาทกโร ความว่า ทำให้เกิดสติ คือทำให้เกิดสติในบุญกรรม ซึ่งเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าได้ทิพยสมบัตินี้ อธิบายว่า ทำให้เกิดสติอย่างนี้ว่า เจ้าได้สมบัตินี้เพราะถวายอาหารรสปู. บทว่า นิฏฺิโต ชาตรูปสฺส ได้แก่ สำเร็จแล้วด้วยทอง ชื่อว่า ชาตรูปมยะ ปูชื่อว่า มีขา ๑๐ เพราะปูนั้นมีขา ๑๐ แบ่งเป็นข้างละ ๕ อยู่ที่ประตูย่อมสง่างาม ปูนั้นแหละประกาศบุญกรรมของข้าพเจ้าแก่เหล่าท่านผู้แสวงหาคุณใหญ่ เช่นท่าน อธิบายว่า ในเรื่องนี้ ไม่มีคำที่ข้าพเจ้าจะต้องพูด ด้วยเหตุนั้น เทพบุตรจึงกล่าวว่า เตน เม ตาทิโส วณฺโณ เป็นต้น. คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวนาแล้วนั้นแล.

จบอรรถกถากักกฏกรสทายกวิมาน