พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๘. ปฐมสูจิวิมาน ว่าด้วยปฐมสูจิวิมาน

 
บ้านธัมมะ
วันที่  16 พ.ย. 2564
หมายเลข  40309
อ่าน  384

[เล่มที่ 48] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 478

๒. ปุริสวิมานวัตถุ

มหารถวรรคที่ ๕

๘. ปฐมสูจิวิมาน

ว่าด้วยปฐมสูจิวิมาน


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 48]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 478

๘. ปฐมสูจิวิมาน

ว่าด้วยปฐมสูจิวิมาน

พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า

[๕๘] วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง ๑๒ โยชน์ โดยรอบ มีห้องรโหฐาน ๗๐๐ ห้อง โอฬาร ฯลฯ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 479

ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า ให้สิ่งใดสิ่งนั้นไม่มีผล พึงให้สิ่งใด สิ่งนั้นประเสริฐกว่า ข้าพเจ้าถวายเข็ม เข็มนั้นแลประเสริฐกว่า เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าเป็นเช่นนี้ ฯลฯ และวรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบปฐมสูจิวิมาน

อรรถกถาปฐมสูจิวิมาน

ปฐมสูจิวิมาน มีคาถาว่า อุจฺจมิทํ มณิถูณํ เป็นต้น. ปฐมสูจิวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?

พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ สมัยนั้น ท่านพระสารีบุตรจะต้องทำจีวรและมีความต้องการเข็ม ท่านจึงเที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ ได้ยืนอยู่ที่ประตูเรือนของช่างทอง ช่างทองเห็นดังนั้น จึงกล่าวว่า ต้องการอะไร เจ้าข้า พระสารีบุตรตอบว่า มีจีวรกรรมที่ต้องทำ ต้องการเข็ม ช่างทองมีใจเลื่อมใส ถวายเข็มสองเล่มที่ทำไว้เรียบร้อย กล่าวว่า ท่านเจ้าข้า เมื่อต้องการเข็มอีก โปรดบอกกระผมเถิด แล้วไหว้ด้วยเบญจางคประดิษฐ์ พระเถระอนุโมทนาแก่เขาแล้วหลีกไป กาลต่อมา ช่างทองนั้นตายไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์.

ครั้งนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะเที่ยวเทวจาริกถามเทพบุตรนั้น ด้วยคาถาเหล่านี้ว่า

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 480

วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง ๑๒ โยชน์ โดยรอบ มีห้องรโหฐาน ๗๐๐ ห้อง โอฬาร มีเสาแก้วไพฑูรย์ ลาดด้วยเครื่องลาดที่ชอบใจ สวยงาม ท่านนั่งดื่มกินในวิมานนั้น มีพิณทิพย์บรรเลงไพเราะ มีเบญจกามคุณ มีรสเป็นทิพย์ และเทพนารีแต่งองค์ด้วยอาภรณ์ทองฟ้อนรำอยู่ เพราะบุญอะไร วรรณะของท่านจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.

ดูก่อนเทวะผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะ ของท่านจึงสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ.

เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว จึงพยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า ให้สิ่งใดสิ่งนั้นไม่มีผล พึงให้สิ่งใดสิ่งนั้นประเสริฐกว่า ข้าพเจ้าถวายเข็ม เข็มนั่นแลประเสริฐกว่า เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ข้าพเจ้า.

ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ข้าพเจ้าขอบอกแก่ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าได้ทำบุญใดไว้ เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไปทุกทิศ.

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 26 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 481

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยํ ททาติ ความว่า ให้ไทยธรรมเช่นใด. บทว่า น ตํ โหติ ความว่า ไทยธรรมเช่นนั้นแลของเขาไม่มีผล ไทยธรรมย่อมมีผลไพบูลย์กว่านั้น คือโอพารกว่าทีเดียวด้วยเขตสมบัติ (ผู้รับ) ด้วยด้วยจิตสมบัติ (ตั้งใจ) ด้วย โดยแท้แล ฉะนั้น. บทว่า ยญฺเจว ทชฺชา ตญฺเจว เสยฺโย ความว่า พึงให้ คือพึงถวายสิ่งที่มีอยู่ อย่างใดอย่างหนึ่งนั่นแหละ การให้นั้นประเสริฐกว่า คือการถวายไทยธรรมที่ไม่มีโทษอย่างใดอย่างหนึ่งนั่นแลประเสริฐกว่า เพราะเหตุไร เพราะข้าพเจ้าถวายเข็ม เข็มนั่นแลประเสริฐกว่า คือการถวายเข็มของข้าพเจ้านั่นแหละประเสริฐกว่า อธิบายว่า เพราะข้าพเจ้าได้สมบัติเช่นนี้แล.

จบอรรถกถาปฐมสูจิวิมาน