๗. ยวปาลกวิมาน ว่าด้วยยวปาลกวิมาน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกายวิมานวัตถุเล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 563
๒. ปุริสวิมานวัตถุ
ปายาสิกวรรคที่ ๖
๗. ยวปาลกวิมาน
ว่าด้วยยวปาลกวิมาน
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 48]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 563
๗. ยวปาลกวิมาน
ว่าด้วยยวปาลกวิมาน
พระมหาโมคคัลลานเถระ ได้ถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า
[๗๑] วิมานแก้วมณีของท่านนี้ ฯลฯ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
เทพบุตรนั้นถูกพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว ดีใจ ก็พยากรณ์ปัญหาของธรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ข้าพเจ้าเป็นคนเฝ้านาข้าวเหนียว ได้เห็นภิกษุผู้ปราศจากกิเลสดุจธุลี ผ่องใส ไม่ขุ่นมัว มีความเลื่อมใส จึงได้แบ่งขนมสดถวายท่านด้วยมือของตน ครั้นแล้วจึงบันเทิงอยู่ในสวนนันนทวัน เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีวรรณะเช่นนี้ ฯลฯ และวรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
จบยวปาลกวิมาน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 564
อรรถกถายวปาลกวิมาน
ยวปาลกวิมาน มีคาถาว่า อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานํ เป็นต้น. ยวปาลกวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร กรุงราชคฤห์ เด็กเข็ญใจคนหนึ่งเฝ้านาข้าวเหนียว. วันหนึ่งเขาได้ขนมสดอย่างหนึ่งสำหรับเป็นอาหารมื้อเช้า คิดว่าไปนาแล้วจึงจักกิน ถือนมสดนั้นเดินไปนาข้าวเหนียว นั่งลงใกล้โคนไม้ ขณะนั้นพระเถระขีณาสพรูปหนึ่งเดินทางมาถึงที่นั้นในเวลากระชั้นชิด เข้าไปยังโคนไม้ที่เด็กเฝ้านาข้าวเหนียวนั่งอยู่. เด็กเฝ้านาข้าวเหนียวดูเวลาแล้วถามว่า ท่านได้อาหารแล้วหรือ ขอรับ พระเถระก็นิ่ง เขารู้ว่า ท่านยังไม่ได้ฉัน จึงกล่าวว่า ท่านขอรับ ใกล้เวลาแล้ว ท่านไปเที่ยวบิณฑบาตฉันไม่ได้แล้วละ โปรดฉันขนมสดนี้ อนุเคราะห์กระผมเถิด แล้วถวายขนมสดนั้นแก่พระเถระ. พระเถระเมื่อจะอนุเคราะห์เด็กนั้นก็ฉันขนมสดนั้น ทั้งที่เขาเห็นอยู่ อนุโมทนาแล้วก็กลับไป. แม้เด็กนั้นก็มีจิตเลื่อมใสว่า เราเมื่อถวายขนมสดเป็นทานแก่ภิกษุเช่นนี้ ชื่อว่าถวายดีแล้วหนอ ต่อมาเขาก็ตายไปบังเกิดในวิมาน ภพดาวดึงส์ โดยนัยที่กล่าวมาแล้ว ท่านพระมหาโมคคัลลานะจึงสอบถามเทพบุตรนั้น ด้วยคาถาหลายคาถาว่า
วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง ๑๒ โยชน์ โดยรอบ มีห้องรโหฐาน ๗๐๐ โอฬาร มีเสาแก้วไพฑูรย์ ลาดด้วยเครื่องลาดอันงามดี.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 565
ท่านนั่งดื่มและกินอยู่ในวิมานนั้น พิณทิพย์ บรรเลงไพเราะ และเหล่าเทพกัญญาชั้นไตรทศ จำนวน ๖๔,๐๐๐ นาง ก็เป็นผู้ดี ล้วนชำนาญศิลป์ ฟ้อนรำขับร้อง ทำความบันเทิงอย่างโอฬาร.
ท่านบรรลุเทวฤทธิ์แล้วมีอานุภาพมาก ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุ อะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณ ของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
แม้เทพบุตรนั้น ก็พยากรณ์แก่ท่านด้วยคาถาหลายคาถาว่า
เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกท่านพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ข้าพเจ้าได้เป็นคนเฝ้านาข้าวเหนียว ได้เห็นพระภิกษุผู้ปราศจากกิเลสดุจธุลี ผ่องใส ไม่มัวหมอง ก็เลื่อมใส ได้แบ่งขนมถวายแก่ท่านด้วยมือตนเอง ครั้นถวายขนมส่วนหนึ่งแล้ว ก็บันเทิงอยู่ในนันทนวัน.
เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ข้าพเจ้า.
ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ข้าพเจ้าขอ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 566
บอกท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าได้ทำบุญใดไว้ เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
แม้ในคาถาเหล่านั้นที่ไม่เคยกล่าวไว้ไม่มี คือกล่าวไว้แล้วทั้งนั้น.
จบอรรถกถายวปาลกวิมาน