๔. สุคันธเถรคาถา ว่าด้วยคาถาของพระสุคันธเถระ
[เล่มที่ 50] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 168
เถรคาถา เอกนิบาต
วรรคที่ ๓
๔. สุคันธเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระสุคันธเถระ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 50]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 168
๔. สุคันธเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระสุคันธเถระ
[๑๖๑] ได้ยินว่า พระสุคันธเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
ภิกษุบวชยังไม่ครบพรรษา ได้เห็นธรรมเป็นธรรมดีงาม บรรลุวิชชา ๓ ได้ทำคำสอนของพระพุทธเจ้า สำเร็จแล้ว.
อรรถกถาสุคันธเถรคาถา
คาถาของท่านพระสุคันธเถระเริ่มต้นว่า อนุวสฺสิโก ปพฺพชิโต. เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร?
ได้ยินว่า ในกัปที่ ๙๒ นับแต่ภัทรกัปนี้ ท่านเกิดในกำเนิดมนุษย์ ในกาลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่าติสสะ. รู้เดียงสาแล้ว เที่ยวไปล่าเนื้อในป่า. พระบรมศาสดา เสด็จไปแสดงรอยพระบาทให้ปรากฏ เพื่อจะทรงอนุเคราะห์เขา.
เขาเห็นเจดีย์ คือ พระบาทของพระศาสดาแล้ว เพราะมีอธิการอันกระทำไว้แล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ จึงเกิดปีติโสมนัสว่า เท้าเหล่านี้ เป็นเท้าของบุคคลผู้เลิศในโลก พร้อมทั้งเทวโลก จึงถือเอาดอกหงอนไก่มาทำการบูชา แล้วยังจิตให้เลื่อมใส. ด้วยบุญกรรมนั้น เขาเกิดในเทวโลก จุติจากเทวโลกนั้นแล้ว หมั่นกระทำบุญ ท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 169
ทั้งหลายไปๆ มาๆ (เกิด) เป็นกุฏุมพี ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่ากัสสปะ. บำเพ็ญมหาทานแด่พระบรมศาสดาและภิกษุสงฆ์ ส่งจันทน์ขาวที่มีราคามาก ไปยังพระคันธกุฎี แล้วทำการอบด้วยจันทน์นั้น ตั้งความปรารถนาว่า ในที่ๆ ข้าพเจ้าเกิดแล้วๆ ขอให้สรีระของข้าพเจ้าจงมี กลิ่นหอมอย่างนี้. เขากระทำบุญกรรม แม้อื่นเป็นอันมากไว้ในภพนั้นๆ ท่องเที่ยวไปในสุคติภพทั้งหลายนั่นแล เกิดในเรือนของพราหมณ์ผู้สมบูรณ์ด้วยสมบัติในพระนครสาวัตถี ในพุทธุปบาทกาลนี้.
ก็นับจำเดิมแต่เวลาที่เขาผู้จะบังเกิดอยู่ในท้องมารดา สรีระของมารดาแม้ทั้งสิ้นก็หอมขจรไปทั่วทั้งเรือน. ส่วนในวันที่เขาเกิด กลิ่นหอมอย่างยิ่งก็หอมฟุ้งไป แม้ในเรือนใกล้เคียงเป็นพิเศษทีเดียว. มารดา บิดาของเขา กล่าวว่า บุตรของเราตั้งชื่อของตนด้วยตนเอง มาเกิดแล้ว จึงตั้งชื่อเขาว่า สุคันธะ เหมือนกัน.
เขาเจริญเติบโตขึ้นโดยลำดับ เห็นพระมหาเสลเถระ แล้วฟังธรรมในสำนักของท่าน บวชแล้วเจริญวิปัสสนา บรรลุพระอรหัตภายใน ๗ วันเท่านั้น. สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า
เมื่อก่อน เรากับบิดาและปู่ เป็นคนทำการงานในป่า เลี้ยงชีพด้วยการฆ่าปศุสัตว์ กุศลกรรมของเราไม่มี ใกล้กับที่อยู่ของเรา พระพุทธเจ้าผู้นำชั้นเลิศของโลก ทรงพระนามว่า ติสสะ ผู้มีพระปัญญาจักษุ ได้ทรงแสดงรอยพระบาทไว้ ๓ รอย เพื่ออนุเคราะห์ เราได้เห็นรอยพระบาทของพระธรรมศาสดา ผู้ทรงพระนามว่าติสสะ ที่พระองค์ทรงเหยียบไว้ เป็นผู้
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 170
ร่าเริง มีจิตยินดี ยังจิตให้เลื่อมใสในรอยพระบาท. เราเห็นต้นหงอนไก่ที่ขึ้นมาจากแผ่นดิน มีดอกบานแล้ว จึงเด็ดมาพร้อมทั้งยอด บูชารอยพระบาทอันประเสริฐสุด. เพราะกรรมที่เราทำไว้ดีแล้วนั้น และเพราะความตั้งเจตนาไว้ เราละร่างมนุษย์แล้ว ไปสู่ดาวดึงสพิภพ. เราเข้าถึงกำเนิดใดๆ คือ เป็นเทวดา หรือมนุษย์ ในกำเนิดนั้นๆ เรามีผิวกายเหมือนสีดอก หงอนไก่ มีรัศมีเป็นแดนซ่านออกจากตน. ในกัป ที่ ๙๒ แต่ภัทรกัปนี้ เราได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้นเราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชารอยพระพุทธบาท. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เราทำสำเร็จแล้ว ดังนี้.
ก็ครั้นท่านบรรลุพระอรหัตแล้ว เมื่อจะพยากรณ์พระอรหัตตผลได้ ภาษิต คาถานี้ว่า
ภิกษุบวชยังไม่ทันครบพรรษา มองเห็นธรรมเป็นธรรมดีงาม บรรลุวิชชา ๓ ได้ทำคำสอนของพระพุทธเจ้า เสร็จแล้ว ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อนุวสฺสิโก ความว่า ไปทีหลัง คือเพิ่งเข้าจำพรรษา จึงชื่อว่า อนุวสฺโส ทำ อนุวสฺโสนั่นแหละ เป็นอนุวสฺสิโก.
บทว่า ปพฺพชิโต ความว่า เข้าถึงบรรพชา อธิบายว่า เป็นผู้บวชแล้ว แต่เพียงเข้าจำพรรษา คือ มีพรรษาเดียว. อีกอย่างหนึ่ง หมายความว่า ตามไป คือไปที่หลังยังไม่ได้พรรษา จึงชื่อว่า อนุวัสสะ. อนุวัสสะ นั้น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 171
มีแก่ภิกษุนั้น เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า อนุวสฺสิโก (ยังไม่ทันได้พรรษา). ภิกษุใดที่บวชแล้วยังไม่ถึงการนับพรรษา เพราะมีพรรษายังไม่บริบูรณ์ ภิกษุนั้นท่านจึงเรียกอย่างนี้ เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวว่า อวสฺสิโก (ยังไม่ ทันครบพรรษา).
บทว่า ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ ความว่า ท่านผู้บวชยังไม่ได้พรรษา มองเห็นธรรมแห่งพระศาสดาของท่านเป็นธรรมที่ดี คือ เป็นสวากขาตธรรม ได้แก่ เป็นนิยยานิกธรรมโดยถ่ายเดียว. วิชชา ๓ คือ บุพเพนิวาสญาณ ทิพยจักขุญาณ อาสวักขยญาณ อันท่านถึงแล้วโดยลำดับ คือกระทำให้แจ้งแล้ว ต่อแต่นั้นไป ศาสนาของพระพุทธเจ้า คือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเรากระทำเสร็จแล้ว ได้แก่ พระอนุสาสนี คือ พระโอวาทของพระองค์ เราตามศึกษาแล้ว เพราะเหตุนั้น พระเถระผู้เกิดปีติโสมนัส เพราะอาศัยความเป็นผู้มีกิจอันตนทำเสร็จแล้ว จึงกล่าวถึงตน โดยทำให้เป็นเหมือนคน อื่น ฉะนี้แล.
จบอรรถกถาสุคันธเถรคาถา