พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๕. อุกเขปกตวัจฉเถรคาถา ว่าด้วยคาถาของพระอุกเขปกตวัจฉเถระ

 
บ้านธัมมะ
วันที่  18 พ.ย. 2564
หมายเลข  40466
อ่าน  392

[เล่มที่ 50] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 327

เถรคาถา เอกนิบาต

วรรคที่ ๗

๕. อุกเขปกตวัจฉเถรคาถา

ว่าด้วยคาถาของพระอุกเขปกตวัจฉเถระ


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 50]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 22 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 327

๕. อุกเขปกตวัจฉเถรคาถา

ว่าด้วยคาถาของพระอุกเขปกตวัจฉเถระ

[๒๐๒] ได้ยินว่า พระอุกเขปกตวัจฉเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้อย่างนี้ว่า

ภิกษุผู้สงบดีแล้ว มีความปราโมทย์อย่างยิ่ง ย่อมกล่าวพระพุทธวจนะ ที่ได้เล่าเรียนมาหลายปี ในสำนักของอุกเขปกตวัจฉภิกษุ แก่คฤหัสถ์ทั้งหลาย.

อรรถกถาอุกเขปกตวัจฉเถรคาถา

คาถาของท่านพระอุกเขปกตวัจฉเถระ เริ่มต้นว่า อุกฺเขปกตฺวจฺฉสฺส. เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร?

ได้ยินว่า แม้พระเถระนั้น ก็มีอธิการอันกระทำแล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ทั้งหลาย สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้ในภพนั้นๆ เกิดในเรือนแห่งตระกูล ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 22 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 328

สิทธัตถะ ในกัปที่ ๙๔ แต่ภัทรกัปนี้ ถึงความเป็นผู้รู้แล้ว ให้เสาแก่อุบาสก ผู้สร้างเรือนยอดถวายพระศาสดา ขาดเสาอยู่ต้นหนึ่ง ได้กระทำหน้าที่ของผู้ร่วมกิจการ ด้วยบุญกรรมนั้น เขาบังเกิดในเทวโลก หมั่นกระทำบุญบ่อยๆ ท่องเที่ยวอยู่ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เกิดเป็นบุตรของพราหมณ์คนหนึ่ง ในพระนครสาวัตถี ในพุทธุปบาทกาลนี้ เขามีนามที่ได้มาตามโคตรว่า วัจฉะ.

เขาฟังธรรมในสำนักของพระศาสดา ได้เฉพาะแล้วซึ่งศรัทธาบรรพชาแล้ว อยู่ในอาวาสใกล้บ้านแคว้นโกศล เล่าเรียนธรรม ในสำนักของภิกษุทั้งหลาย ผู้มาแล้วๆ. แต่ท่านไม่รู้ ปริเฉท (ขั้นตอน) ว่านี้เป็นวินัย นี้เป็นพระสูตร นี้เป็นพระอภิธรรม วันหนึ่ง เรียนถามท่านพระธรรมเสนาบดีแล้ว กำหนดพระพุทธพจน์ทั้งหมดตามขั้นตอน แม้ในกาลก่อน แต่การสังคายนาพระธรรม ท่านก็กำหนดชื่อแห่งปิฎกเป็นต้นไว้ ในพระปริยัติสัทธรรมที่เป็นเหตุให้มีการเรียกชื่อภิกษุทั้งหลายว่า พระวินัยธร เป็นต้น ท่านเล่าเรียนสอบถาม พระพุทธพจน์ คือพระไตรปิฎกอยู่ กำหนดรูปธรรมและอรูปธรรม ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้แล้วในพระไตรปิฎกนั้น เริ่มตั้งวิปัสสนา พิจารณาอยู่ บรรลุพระอรหัตต่อกาลไม่นานนัก. สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ใน อปทานว่า

ได้มีการประชุมมหาสมาคม อุบาสกของพระผู้ มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า สิทธัตถะ และอุบาสกเหล่านั้น ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ มีความเชื่อเลื่อมใสพระตถาคต อุบาสกทั้งหมดมาประชุมปรึกษากันจะสร้างศาลาถวายแด่พระศาสดา ยังไม่ได้เสาอีกต้นหนึ่ง จึงพากันเที่ยวหาอยู่ในป่าใหญ่ เราพบอุบาสกเหล่านั้น ในป่าแล้ว จึงเข้าไปหาคณะอุบาสกในเวลานั้น

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 22 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 329

เราประนมอัญชลีสอบถามคณะอุบาสก. อุบาสกผู้มีศีลเหล่านั้นอันเราถามแล้ว ตอบให้ทราบว่าเราต้องการจะสร้างศาลา ยังหาเสาไม่ได้อีกต้นหนึ่ง (เรากล่าวว่า) ขอท่านจงให้เสา (เป็นภาระ) กะเราต้นหนึ่งเถิด ฉันจักถวายแด่พระศาสดาเอง ฉันจักนำเสามาให้ ท่านทั้งหลายไม่ต้องขวนขวายหา อุบาสกเหล่านั้นเลื่อมใสมีใจยินดี มอบเสาให้ (เป็นภาระของ) เรา แล้วกลับจากป่ามาสู่เรือนของตนๆ เมื่อคณะอุบาสกไปแล้วไม่นาน เราได้ถวายเสา ในกาลนั้น เรายินดี มีจิตร่าเริง ยกเสาขึ้นก่อนเขา ด้วยจิตอันเสื่อมใสนั้น เราได้เกิดในวิมาน ภพของเราตั้งอยู่โดดเดี่ยว ๗ ชั้น สูงตระหง่าน เมื่อกลองดังกระหึ่มอยู่ เราบำเรออยู่ทุกเมื่อ ในกัปที่ ๕๕ เราได้เป็นพระราชา พระนามว่ายโสธร แม้ในกาลนั้น ภพของเรา ก็สูงสุด ๗ ชั้น ประกอบด้วยเรือนยอดอันประเสริฐ มีเสาต้นหนึ่ง น่ารื่นรมย์ใจ ในกัปที่ ๒๑ เราเป็นกษัตริย์ พระนามว่าอุเทน แม้ในกาลนั้น ภพของเราก็มี ๗ ชั้น ประดับอย่างสวยงาม เราเข้าถึงกำเนิดใดๆ คือความเป็นเทวดา หรือความเป็นมนุษย์ เราย่อมเสวยผลนั้นๆ ทั้งหมด นี้เป็นผลแห่งการถวายเสาต้นเดียว. ในกัปที่ ๙๔ แต่ภัทรกัปนี้ เราได้ถวายเสาใดในกาลนั้น ด้วยบุญกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายเสาต้นเดียว. เราตัดกิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำสำเร็จแล้ว ดังนี้.

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 22 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 330

ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว ตั้งมั่นอยู่ในความขยันหมั่นเพียร เพราะท่านทำกิจเสร็จแล้ว เพื่อความอนุเคราะห์ คฤหัสถ์และบรรพชิตทั้งหลายที่เข้าไปสู่สำนักของท่าน ใคร่ครวญพระพุทธพจน์ คือพระไตรปิฎก แล้วแสดงธรรม. และในวันหนึ่งแสดงธรรมอยู่ เมื่อจะแสดงเปรียบตนเหมือนคนอื่น ได้กล่าวคาถาว่า

ภิกษุสงบดีแล้ว มีความปราโมทย์อย่างยิ่ง ย่อมกล่าวพระพุทธวจนะ ที่ได้เล่าเรียนมาเป็นเวลาหลายปี ในสำนักของอุกเขปกตวัจฉภิกษุแก่คฤหัสถ์ทั้งหลาย ดังนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุกฺเขปกตวจฺฉสฺส ได้แก่ อันภิกษุ ชื่อว่า อุกเขปวัจฉะ กระทำแล้ว อธิบายว่า อันภิกษุชื่อว่า วัจฉะ บรรจุ ลงไว้ในปิฎกนั้นๆ นั่นแหละ ตั้งอยู่แล้ว โดยที่ท่านกำหนดพิเคราะห์ส่วน แห่งพระวินัย ส่วนแห่งพระสูตร และส่วนแห่งพระอภิธรรม ที่ตนแยกๆ เรียนในสำนักของภิกษุ แล้วสาธยายพระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม นั่นแหละ ตาม (จำนวน) ปริจเฉท. ก็บทว่า อุกฺเขปกตวจฺฉสฺส นี้เป็น ฉัฏฐีวิภัตติ ลงในอรรถแห่งตติยาวิภัตติ.

บทว่า สงฺกลิตํ พหฺหิ วสฺเสหิ ความว่า ตั้งไว้ในหทัย (ท่องจนขึ้นใจ) ด้วยสามารถแห่งการประมวลมาเป็นเวลาหลายปี. ปาฐะว่า สงฺขลิตํ ดังนี้บ้าง. ได้แก่ท่องจนคล่องปาก โดยว่าติดต่อเนื่องเป็นอันเดียวกันไป. กระทำให้เป็นดุจสังข์ที่เขาขัดแล้ว. ปาฐะว่า ยํ พุทฺธวจนํ เป็นปาฐะที่ เหลือจากบาทคาถา. บทว่า ตํ ความว่า กล่าวคือแสดงพระปริยัติธรรมนั้น.. บทว่า คหฏฺานํ ท่านกล่าวไว้ เพราะคฤหัสถ์เหล่านั้น มีจำนวนมากกว่า. บทว่า สุนิสินฺโน ความว่า นั่งสงบไม่ไหวติงอยู่ในธรรมวินัยนั้น. อธิบายว่า

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 22 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 331

ไม่มุ่งหวังลาภและสักการะเป็นต้น ตั้งอยู่ในหัวข้อธรรม คือวิมุตตายตนะ อย่างเดียวเท่านั้น แล้วกล่าว.

ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า อุฬารปาโมชฺโช ซึ่งมีความว่า ผู้มีความปราโมทย์อันโอฬาร อันเกิดแล้ว ด้วยสามารถแห่งความสุขในผลสมาบัติ และด้วยสามารถแห่งความสุขในธรรม. สมดังคำที่ท่านกล่าวไว้ มีอาทิว่า

ดูก่อนอาวุโส ภิกษุย่อมแสดงธรรมตามที่ฟังมาแล้ว ตามที่เรียนมาแล้ว แก่คนเหล่าอื่นโดยพิสดาร ด้วยประการใดๆ เธอย่อมได้ความแตกฉานในอรรถ ในธรรมนั้น ย่อมได้ความปราโมทย์อันเข้าไปประกอบแล้วด้วยธรรม ด้วยประการนั้นๆ ดังนี้.

จบอรรถกถาอุกเขปตวัจฉเถรคาถา