พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๑. สุนทรสมุทรเถรคาถา ว่าด้วยคาถาของพระสุนทรสมุทรเถระ

 
บ้านธัมมะ
วันที่  20 พ.ย. 2564
หมายเลข  40630
อ่าน  425

[เล่มที่ 52] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หน้า 237

เถรคาถา สัตตกนิบาต

๑. สุนทรสมุทรเถรคาถา

ว่าด้วยคาถาของพระสุนทรสมุทรเถระ


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 52]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 23 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หน้า 237

เถรคาถา สัตตกนิบาต

๑. สุนทรสมุทรเถรคาถา

ว่าด้วยคาถาของพระสุนทรสมุทรเถระ

[๓๖๑] หญิงแพศยาผู้ประดับประดาร่างกาย นุ่งห่มผ้าใหม่สวยงาม ทัดทรงดอกไม้ ลูบไล้ด้วยเครื่องหอม เท้าย้อมด้วยสีแดงอันงาม สวมรองเท้าทอง

นางถอดรองเท้ายืนประคองอัญชลีอยู่ข้างหน้า กล่าวกะเราผู้เคยยำเกรง เล้าโลมด้วย ถ้อยคำอันอ่อนหวานว่า

ท่านเป็นบรรพชิตหนุ่ม ขอจงเชื่อฟังคำดิฉัน ขอเชิญท่านสึกออกมาบริโภคกามอันเป็นของ มนุษย์เถิด ดิฉันจะให้ทรัพย์สมบัติแก่ท่าน

ดิฉันขอให้สัตย์ปฏิญาณแก่ท่าน หรือดิฉันจะนำไฟมา (ทำสบถ) ก็ได้

เมื่อใดเราทั้งสองแก่เฒ่าจนถือไม้เท้า เมื่อนั้น เราทั้งสองจึงค่อยบวช เราทั้งสองถือเอาชัยในโลกทั้งสองก่อนเถิด.

เราเห็นหญิงแพศยาคนนั้น ผู้ตกแต่งร่างกาย นุ่งห่มผ้าใหม่อันงามดีมาทำอัญชลี พูดจา อ้อนวอนเรา เหมือนกับบ่วงมัจจุราชอันธรรมชาติดักไว้

ลำดับนั้น โยนิโสมนสิการเกิดขั้นแก่เรา เราได้เห็นโทษของสังขารทั้งสิ้นแล้ว เกิดความเบื่อหน่าย

ลำดับนั้น จิตของเราก็หลุดพ้นจากกิเลส ขอท่านจงเห็นคุณวิเศษของพระธรรมอย่างนี้เถิด บัดนี้ เราได้บรรลุวิชชา ๓ แล้ว ได้ทำ

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 23 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หน้า 238

ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว.

จบสุนทรสมุทรเถรคาถา

อรรถกถาสุนทรสมุทรเถรคาถาที่ ๑

ใน สัตตกนิบาต มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-

คาถาของ ท่านพระสุนทรสมุทรเถระ มีคำเริ่มต้นว่า อลงฺกตา ดังนี้. เรื่องนี้มีเหตุเกิดขึ้นอย่างไร?

แม้พระเถระนี้ก็ได้บำเพ็ญบุญญาธิการไว้ ในพระพุทธเจ้าปางก่อน ทั้งหลาย สั่งสมบุญทั้งหลายไว้ในภพนั้นๆ ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดเป็นบุตรของเศรษฐีผู้มีทรัพย์สมบัติมากคนหนึ่ง ในกรุงราชคฤห์ ได้มีชื่อว่าสมุทร. แต่ปรากฏชื่อว่า สุนทรสมุทร เพราะมีรูปสมบัติ.

ท่านดำรงอยู่ในปฐมวัย ได้เห็นพุทธานุภาพในคราวที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้ากรุงราชคฤห์ ถึงได้ศรัทธาเพราะเป็นผู้มีอัธยาศัยในการ สลัดออก (จากทุกข์) จึงบวช ได้อุปสมบทแล้วสมาทานธุดงค์ จากกรุงราชคฤห์ไปยังกรุงสาวัตถี เรียนวิปัสสนาในสำนักของภิกษุผู้เป็นกัลยาณมิตร บำเพ็ญเพียรกรรมฐานอยู่. ในวันมีมหรสพในกรุงราชคฤห์ มารดาของท่านได้เห็นลูกเศรษฐีอื่นๆ พร้อมภรรยา พากันตกแต่งประดับประดา เล่นมหรสพอยู่ หวนระลึกถึงบุตรจึงร้องไห้.

หญิงคณิกาคนหนึ่งเห็นดังนั้น จึงถามถึงเหตุที่ร้องไห้ นางจึงบอกเหตุนั้น แก่หญิงคณิกาคนนั้น. หญิงคณิกาได้ฟังดังนั้นจึงกล่าวว่า ดิฉันจักนำเธอมา เบื้องต้นท่านจงเห็นแก่ความเป็นลูกผู้หญิงของดิฉันก่อน

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 23 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หน้า 239

นางจึงสัญญาว่า ถ้าเมื่อเป็นอย่างนั้น เราจักการทำเจ้าเท่านั้นให้เป็นภรรยาเขาแล้วตั้งให้เป็นเจ้าของตระกูลนี้ ดังนี้แล้วให้ทรัพย์เป็นอันมาก แล้วส่งไป นางจึงไปยังกรุงสาวัตถี ด้วยบริวารเป็นอันมากแล้วพักอยู่ใน เรือนหลังหนึ่ง ใกล้ที่เที่ยวบิณฑบาตของพระเถระ ใช้ให้คนอื่นๆ ถวาย บิณฑบาตแก่พระเถระโดยเคารพ และ (ตนเอง) ตกแต่งประดับประดา สวมรองเท้าทอง แสดงตนให้ (พระเถระเห็น).

ครั้นวันหนึ่ง นางเห็นพระเถระกำลังเดินไปทางประตูเรือน จึงถอดรองเท้าทองประคองอัญชลีเดินไปข้างหน้า เชื้อเชิญพระเถระด้วยการเชื้อเชิญด้วยกามมีประการต่างๆ. พระเถระได้ฟังดังนั้นจึงคิดว่า " ธรรมดาจิตของปุถุชนมักหวั่นไหว ถ้ากระไร เราพึงทำความอุตสาหะพยายามในสิงที่ควรกระทำในบัดนี้แหละ " ยืนอยู่ในที่นั้นนั่นเอง บำเพ็ญภาวนาก็ได้อภิญญา ๖ ซึ่งท่านหมายกล่าว (๑) ไว้ว่า

หญิงแพศยาผู้ประดับร่างกาย นุ่งห่มผ้าใหม่อันงาม ทัดทรงดอกไม้ ลูบไล้ด้วยเครื่องหอม เท้าย้อมด้วยสีแดง สวมรองเท้าทอง นางถอดรองเท้ายืนประคองอัญชลีอยู่ ข้างหน้า กล่าวกะเราผู้เคยยำเกรง ด้วยถ้อยคำอันอ่อน หวานว่า

ท่านเป็นบรรพชิตหนุ่ม ขอจงเชื่อฟังคำของดิฉัน ขอเชิญท่านสึกออกมาบริโภคกามอันเป็นของมนุษย์เถิด ดิฉันขอให้สัตย์ปฏิญาณแก่ท่าน หรือดิฉันจะนำเอาไฟมา (ทำสบถ)


๑. ขุ. เถร. ๒๖/ข้อ ๓๖๑.

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 23 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หน้า 240

ก็ได้. เมื่อใด เราทั้งสองแก่เฒ่าจนถึงถือไม้เท้า เมื่อนั้นเราทั้งสองจึงค่อยบวช เราทั้งสองถือเอาชัยในโลกทั้งสองก่อนเถิด.

เราเห็นหญิงแพศยาคนนั้น ผู้ตกแต่งร่างกาย นุ่งห่มผ้าใหม่อันงามดี มาทำอัญชลีอ้อนวอนเรา เหมือนกับบ่วงมัจจุราช อันธรรมชาติดักไว้.

จากนั้น โยนิโสมนสิการเกิดขึ้นแก่เรา เราได้เห็นโทษของสังขารแล้ว เกิดความเบื่อหน่าย.

ลำดับนั้น จิตของเราก็หลุดพ้นจากกิเลส ขอท่านจงเห็นคุณวิเศษของพระธรรมอย่างนี้เถิด บัดนี้ เราได้บรรลุวิชชา ๓ แล้ว ได้ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้ว.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มาลธารี ได้แก่ ทัดทรงระเบียบดอกไม้ คือประดับพวงดอกไม้.

บทว่า วิภูสิตา ได้แก่ ตกแต่งกายด้วยดอกไม้ และลูบไล้ด้วย เครื่องหอมเป็นต้น โดยการทำที่พร่องให้เต็ม.

ด้วยบทว่า อลงฺกตา นี้. ท่านประสงค์เอาการประดับด้วยเครื่องอาภรณ์ทั้งหลาย มีสร้อยข้อมือและสร้อยคอเป็นต้น.

บทว่า อลตฺตกกตาปาทา ได้แก่ ผู้มีเท้าทั้งคู่ย้อมด้วยน้ำครั่ง อัน มีสีดังดอกชัยพฤกษ์และดอกคำแก่จัด. จริงอยู่ บทว่า อลตฺตกกตาปาทา นี้ เป็นบทสมาส (วิธีย่อศัพท์ทางภาษาบาลี) ควรจะกล่าวว่า อลตฺตกกตปาทา แต่ท่านทำให้เป็นทีฆะ เพื่อสะดวกในการแต่งคาถา. แต่ในเมื่อ

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 23 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หน้า 241

ไม่เป็นบทสมาส จะต้องเข้าใจคำที่เหลือ (ซึ่งจะต้องเดิมเข้ามา) ว่า ตสฺสา.

ในบทว่า ปาทุการุยฺห เวสิกา นี้ พึงเติมคำที่เหลือเข้ามาว่า หญิงคนหนึ่งผู้อาศัยรูปเลี้ยงชีพ มีเพศตามที่กล่าวแล้ว สวมรองเท้าทองยืนอยู่. บทว่า ปาหุกา โอรุหิตฺวาน แปลว่า ลงจากรองเท้า อธิบายว่า ถอดรองเท้าทอง.

บทว่า ปญฺชลีกตา ความว่า นางคือหญิงแพศยา ประคองอัญชลี กล่าวกะเรา อีกอย่างหนึ่ง เว้นคำอื่นๆ ที่เนื่องกันมาเสีย นางได้กล่าวเอง คือด้วยตนเองทีเดียว.

บทว่า สณฺเหน ได้แก่ กลมเกลี้ยง.

บทว่า มุทุนา แปลว่า อ่อนหวาน. แม้จะไม่กล่าวคำว่า วจเนน ก็ย่อมเป็นอันกล่าว เพราะกล่าวคำว่า อภาสถ ไว้.

ด้วยบทว่า ยุวาสิ ตฺวํ ปพฺพชิโต นี้ ท่านแสดงความว่า ท่านเมื่อ บวชก็เป็นคนหนุ่มแน่นบวช เมื่อจะบวชควรบวชในเมื่ออายุถึง ๗๐ ปี มิใช่หรือ.

บทว่า ติฏฺาหิ มม สาสเน ความว่า ท่านจงตั้งอยู่ในถ้อยคำของ เราเถิด. เพื่อจะหลีกเลี่ยงคำถามว่า ก็คำนั้นเป็นอย่างไร? นางจึงกล่าวว่า จงบริโภคกามอันเป็นของมนุษย์เถิด. บุคคลผู้ประสงค์จะบริโภคกาม ต้องปรารถนารูปสมบัติ วัยสมบัติ บริขารสมบัติ และโภคสมบัติ. ในสมบัติ เหล่านั้น พระเถระจึงกล่าวว่า เราจักมีโภคสมบัติมาแต่ไหน เพราะเหตุนั้น นางจึงกล่าวว่า ดิฉันจะให้ทรัพย์อันเป็นเครื่องปลื้มใจแก่ท่าน. พระเถระ จะพึงสำคัญว่า คำนี้นั้นจะพึงเชื่อได้อย่างไร เพราะเหตุนั้น นางเมื่อจะ

 
  ข้อความที่ 6  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 23 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หน้า 242

ให้พระเถระนั้นเชื่อถือจึงกล่าวว่า ดิฉันขอทำสัตย์ปฏิญาณแก่ท่าน หรือ ว่าดิฉันจะนำเอาไฟมาทำสบถก็ได้. อธิบายว่า คำใดที่ดิฉันปฏิญาณไว้ว่า ท่านจงบริโภคกามอันเป็นของมนุษย์เถิด ดิฉันจะให้ทรัพย์เครื่องปลื้มใจ แก่ท่าน คำนั้นดิฉันขอให้สัตย์ปฏิญาณไว้อย่างเด็ดขาด ถ้าท่านยังไม่ตกลง ใจแก่ดิฉัน ดิฉันจะนำเอาไฟมาทำสบถก็ได้ คือดิฉันจะนำเอาไฟมาแล้ว การทำสบถต่อหน้าไฟ.

บทว่า อุภยตฺถ กฏคฺคโห ความว่า การที่เราทั้งสองบวชในเวลา แก่เฒ่า เป็นการถือชัยชนะในโลกทั้งสองไว้ได้ อธิบายว่า ข้อที่เราทั้งสอง ใช้สอยโภคะไปจนตราบเท่าถือไม้เท้านั้น ชื่อว่าไม่เสื่อมจากโภคะแม้ในโลกนี้ ข้อที่เราทั้งสองจักบวชในภายหลังนั้น ชื่อว่าไม่เสื่อมจากโภคะแม้ในโลกหน้า.

บทว่า ตโต แปลว่า เหตุนั้น คือเหตุแห่งคำที่หญิงแพศยานั้น ผู้เชื้อเชิญด้วยกามทั้งหลาย กล่าวด้วยคำมีอาทิว่า ท่านยังเป็นหนุ่ม และด้วยคำมีอาทิว่า เมื่อใด เราทั้งสองแก่เฒ่า ดังนี้.

จริงอยู่ พระเถระกระทำคำนั้นให้เป็นดุจขอสับ การทำสมณธรรมได้ทำประโยชน์ของตนให้บริบูรณ์แล้ว. คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วในหนหลังแล.

จบอรรถกถาสุนทรสมุทรเถรคาถาที่ ๑