พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๒. มุตตาเถรีคาถา

 
บ้านธัมมะ
วันที่  20 พ.ย. 2564
หมายเลข  40678
อ่าน  569

[เล่มที่ 54] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 12

เถรีคาถา เอกนิบาต

๒. มุตตาเถรีคาถา


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 54]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 28 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 12

๒. มุตตาเถรีคาถา

[๔๐๓] ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกล่าวสอน นางมุตตาสิกขมานา ด้วยพระคาถานี้เนืองๆ อย่างนี้ว่า

ดูก่อนนางมุตตา เธอจงเปลื้องจิตจากกิเลสเครื่องประกอบทั้งหลาย เหมือนพระจันทร์ถูกราหูจับแล้วพ้นจากเครื่องเศร้าหมองฉะนั้น เธอมีจิตหลุดพ้นแล้ว จงเป็นผู้ไม่มีหนี้บริโภคก้อนข้าวเถิด.

จบ มุตตาเถรีคาถา

๒. อรรถกถามุตตาเถรีคาถา

คาถานี้ว่า

ดูก่อนนางมุตตา เธอจงเปลื้องจิตจากกิเลสเครื่องประกอบทั้งหลาย เหมือนพระจันทร์ถูกราหูจับแล้วพ้นจากเครื่องเศร้าหมองฉะนั้น เธอมีจิตหลุดพ้นแล้ว จงเป็นผู้ไม่มีหนี้บริโภคก้อนข้าวเถิด ดังนี้

เป็นคาถาสำหรับนางสิกขมานาชื่อมุตตา.

นางมุตตานั้นได้สร้างสมบุญบารมีไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมกุศลที่เป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้ในภพนั้นๆ บังเกิดในเรือนตระกูลในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามวิปัสสี รู้เดียงสาแล้ว วันหนึ่งเห็นพระศาสดาเสด็จไปในถนน มีใจเลื่อมใสถวายบังคมด้วยเบญจางคประดิษฐ์ แล้ว

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 28 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 13

นอนคว่ำแทบพระยุคลบาทของพระศาสดา ด้วยกำลังปีติ นางบังเกิดในเทวโลกด้วยบุญกรรมนั้น ท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่ในสุคติภูมิทั้งหลายนั่นเอง ในพุทธุปปาทกาลนี้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล ในกรุงสาวัตถี มีชื่อว่ามุตตา เพราะเป็นหญิงถึงพร้อมด้วยอุปนิสัย เวลามีอายุ ๒๐ ปี นางจึงบวชเป็นสิกขมานาในสำนักของพระมหาปชาบดีโคตมี ให้พระมหาปชาบดีโคตมีบอกกัมมัฏฐานแล้วเจริญวิปัสสนา วันหนึ่งกลับจากบิณฑบาต แสดงวัตรคือกิจในการฉันแก่ภิกษุณีผู้เป็นเถรีทั้งหลายแล้วไปที่พักกลางวัน นั่งในที่ลับเริ่มมนสิการวิปัสสนากัมมัฏฐาน พระศาสดาประทับอยู่ที่พระคันธกุฏีมีกลิ่นหอมนั่นแหละ ทรงเปล่งพระรัศมีแสดงพระองค์เหมือนประทับนั่งต่อหน้าของนางสิกขมานามุตตานั้น ตรัสพระคาถานี้ว่า

    ดูก่อนนางมุตตา เธอจงเปลื้องจิตจากกิเลสเครื่องประกอบทั้งหลาย เหมือนพระจันทร์ถูกราหูจับแล้ว พ้นจากเครื่องเศร้าหมองฉะนั้น เธอมีจิตหลุดพ้นแล้ว จงเป็นผู้ไม่มีหนี้บริโภคก้อนข้าวเถิด.

    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มุตฺเต เป็นคำเรียกนางสิกขมานานั้น.บทว่า มุญฺจสฺสุ โยเคหิ ความว่า จงพ้นจากโยคะสี่มีกามโยคะเป็นต้น ด้วยมรรคปฏิบัติ คือจงเป็นผู้มีจิตพ้นจากโยคะเหล่านั้น. เหมือนอย่างอะไร. บทว่าจนฺโท ราหุคฺคหา อิว ความว่า เหมือนพระจันทร์ถูกอสุรินทราหูจับด้วยหัตถ์พ้นจากเครื่องเศร้าหมอง. บทว่า วิปฺปมุตฺเตน จิตฺเตน ได้แก่ ด้วยจิตที่พ้นด้วยดี ด้วยสมุจเฉทวิมุตติ ด้วยอริยมรรค. ก็บทว่า วิปฺปมุตฺเตน จิตฺเตน นี้เป็นตติยาวิภัตติ ลงในลักษณะอิตถัมภูต (แปลว่ามี) . บทว่า อนณา ภุญฺชปิณฺฑกํ ความว่า จงเป็นผู้ไม่มีหนี้ เพราะละหนี้คือกิเลสเสียได้ พึงบริโภค

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 28 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 14

ก้อนข้าวของชาวแว่นแคว้น ด้วยว่า ผู้ใดไม่ละกิเลสทั้งหลายบริโภคปัจจัยที่พระศาสดาทรงอนุญาตไว้ ผู้นั้นชื่อว่าเป็นผู้มีหนี้บริโภค เหมือนอย่างที่ท่านพระพากุละ กล่าวไว้ว่า อาวุโส เราเป็นผู้มีหนี้บริโภคก้อนข้าวของชาวแว่นแคว้น ถึง ๗ วันทีเดียว ฉะนั้นบรรพชิตในพระศาสนา พึงละหนี้คือกามฉันทะเป็นต้น เป็นผู้ไม่มีหนี้บริโภคของที่เขาถวายด้วยศรัทธาเถิด. บทว่าปิณฺฑกํ เป็นหัวข้อเทศนาเท่านั้น ใจความคือปัจจัย ๔. บทว่า อภิณฺหํโอวทติ ความว่า ชำระอุปกิเลสให้บริสุทธิ์ด้วยการถึงอริยมรรค ให้โอวาทโดยส่วนมาก.

    นางสิกขมานามุตตานั้นตั้งอยู่ในพระโอวาทนั้น ไม่นานนักก็บรรลุพระอรหัต เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวไว้ในอปทานว่า๑

    เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามโกณฑัญญะผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้คงที่ ยังเหล่าสัตว์ให้ข้ามสังสารวัฏฏ์ เสด็จพุทธดำเนินอยู่ในถนน ข้าพเจ้าออกจากเรือนนอนคว่ำ พระโลกเชษฐ์ได้อนุเคราะห์เหยียบบนศรีษะแล้ว พระผู้นำโลกได้เสด็จไป ด้วยจิตเลื่อมใสนั้นข้าพเจ้าได้ไปสู่ภพชั้นดุสิต ข้าพเจ้าเผากิเลสแล้ว ภพทั้งหมดข้าพเจ้าถอนได้แล้ว ข้าพเจ้าตัดเครื่องผูกพันเป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่ ดังช้างพังตัดเชือกแล้ว การมาเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐของข้าพเจ้า เป็นการมาดีแล้วหนอ ข้าพเจ้าได้บรรลุวิชชาสามตามลำดับข้าพเจ้าได้ปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว


    ๑. ขุ. ๓๓/ข้อ ๑๔๔. สังกมนกาเถรีอปทาน.

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 28 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 15

    คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทาสี่ วิโมกข์แปดและอภิญญาหก ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว.

    ครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว นางสิกขมานามุตตา นั้น ได้เปล่งคาถานั้นแล. บทว่า สิกฺขมานา ได้แก่ ผู้มีสิกขาบริบูรณ์. ต่อมา นางได้กล่าวคาถานั้นแหละในเวลาปรินิพพานแล.

    จบ อรรถกถามุตตาเถรีคาถา