๘. โสมาเถรีคาถา
[เล่มที่ 54] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 111
เถรีคาถา ติกนิบาต
๘. โสมาเถรีคาถา
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 54]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 111
๘. โสมาเถรีคาถา
มารกล่าวว่า
[๔๓๗] ฐานะคือพระอรหัต อันฤาษีทั้งหลายพึงบรรลุบุคคลเหล่าอื่นให้เจริญได้ยาก ท่านเป็นหญิงมีปัญญาเพียง ๒ นิ้ว ไม่สามารถจะบรรลุฐานะนั้นได้.
พระโสมาเถรีกล่าวว่า
เมื่อจิตตั้งมั่นดี เมื่อญาณเป็นไปอยู่ เมื่อเราเห็นแจ้งซึ่งธรรมโดยชอบ ความเป็นหญิงจะทำอะไรได้ เรากำจัดความเพลิดเพลินในสิ่งทั้งปวงแล้ว ทำลายกองแห่งความมืดได้แล้ว ดูก่อนมารผู้มีบาป ท่านจงรู้อย่างนี้ ดูก่อนมารผู้กระทำซึ่งที่สุด ตัวท่านถูกเรากำจัดแล้ว.
จบ โสมาเถรีคาถา
๘. อรรถกถาโสมาเถรีคาถา
คาถาว่า ยนฺตํ อิสีหิ ปตฺตพฺพํ เป็นต้น เป็นคาถาของพระเถรีชื่อโสมา.
แม้พระเถรีชื่อโสมาองค์นี้ ก็ได้สร้างสมบุญบารมีไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามสิขี เกิดในตระกูลกษัตริย์มหาศาล รู้ความแล้วได้เป็นอัครมเหสีของพระเจ้าอรุณราช เรื่องอดีตทั้งหมดเหมือนเรื่องของพระอภยาเถรี ส่วนเรื่องปัจจุบันดังนี้ พระเถรีท่องเที่ยวอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลกนั้นๆ ในพุทธุปปาทกาลนี้เกิดเป็นธิดาปุโรหิตของพระเจ้าพิมพิสาร
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 112
กรุงราชคฤห์มีนามว่า โสมา เธอรู้ความแล้วได้ศรัทธาเป็นอุบาสิกาในคราวพระศาสดาเสด็จเข้าพระราชนิเวศน์ เวลาต่อมา เกิดความสังเวช บวชในหมู่ภิกษุณี ทำกิจเบื้องต้นแล้ว เจริญวิปัสสนา ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวไว้ในอปทานว่า (๑)
ในพระนครอรุณวดีมีกษัตริย์พระนามว่า อรุณราช ข้าพเจ้าเป็นมเหสีของท้าวเธอ ข้าพเจ้าร้อยพวงมาลัยอยู่ ฯลฯ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว.
เรื่องทั้งหมด เหมือนอปทานของพระอภยาเถรี.
พระโสมาเถรีนั้น ครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว อยู่ในกรุงสาวัตถีด้วยวิมุตติสุข วันหนึ่งเข้าสู่ป่าอันธวันเพื่อต้องการพักผ่อนกลางวัน นั่งอยู่ที่โคนต้นไม้แห่งหนึ่ง ครั้งนั้น มารประสงค์จะตัดพระเถรีนั้นจากวิเวก หายตัวเข้าไปยืนอยู่ในอากาศ กล่าวคาถานี้ว่า.
ฐานะคือพระอรหัต อันฤาษีทั้งหลายพึงบรรลุบุคคลเหล่าอื่นให้เจริญได้ยาก ท่านเป็นหญิงมีปัญญาเพียง ๒ นิ้ว ไม่สามารถจะบรรลุฐานะนั้นได้.
คาถานั้นมีความว่า ฐานะนั้นคือฐานะอันประเสริฐอย่างยิ่ง กล่าวคือพระอรหัต ผู้มีปัญญามากมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ที่ได้นามว่า ฤาษี เพราะอรรถว่าแสวงหาคุณธรรมมีศีลขันธ์เป็นต้นพึงบรรลุ แต่คนเหล่าอื่นให้เจริญได้ยาก คือให้สำเร็จได้โดยยาก ผู้หญิงมีปัญญาแค่ ๒ นิ้ว คือมีปัญญาทราม ไม่สามารถจะบรรลุฐานะนั้นได้ ธรรมดาหญิงทั้งหลาย ตั้งแต่อายุได้ ๗ - ๘ ขวบก็หุงข้าวอยู่ตลอดกาล เอาข้าวสารใส่ในน้ำเดือด ย่อมไม่รู้ว่าข้าวสุกแล้วด้วย
๑. ขุ. ๓๓/ข้อ ๑๔๘ สัตตอุปปลมาลิกาเถรีอปทาน.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 113
เหตุเพียงเท่านี้ แต่เมื่อข้าวสารกำลังเดือด เอาทัพพีตักขึ้นแล้วบี้ด้วยนิ้วมือ ๒นิ้ว ย่อมรู้ได้ ฉะนั้นมารจึงกล่าวว่า ทฺวงฺคุลิปญฺญาย ดังนี้.
พระเถรีได้ฟังดังนั้นแล้ว เมื่อจะกำหราบมารได้กล่าวคาถา ๒ คาถานอกนี้ว่า
เมื่อจิตตั้งมั่นดี เมื่อญาณเป็นไปอยู่ เมื่อเราเห็นแจ้งซึ่งธรรมโดยชอบ ความเป็นหญิงจะทำอะไรเราได้ เรากำจัดความเพลิดเพลินในสิ่งทั้งปวงแล้ว ทำลายกองแห่งความมืดได้แล้ว ดูก่อนมารผู้มีบาป ท่านจงรู้อย่างนี้ ดูก่อนมารผู้ทำที่สุด ตัวท่านถูกเรากำจัดแล้ว.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อิตฺถิภาโว โน กึ กยิรา ความว่าความเป็นมาตุคามจะพึงทำอะไรแก่พวกเราได้ คือจะพึงให้เกิดความพรากจากการบรรลุพระอรหัตได้อย่างไร. บทว่า จิตฺตมฺหิ สุสมาหิเต ความว่า เมื่อจิตตั้งมั่นด้วยดีด้วยอรหัตตมรรคสมาธิ. บทว่า ญาณมฺหิ วตฺตมานมฺหิ ความว่า ต่อแต่นั้น เมื่ออรหัตตมรรคญาณเป็นไป. บทว่า สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต ความว่า เมื่อเราเห็นสัจธรรม ๔ โดยชอบทีเดียว ด้วยวิธีมีกำหนดรู้เป็นต้น ก็ในข้อนี้มีความย่อดังนี้ว่า ดูก่อนมารผู้มีบาป หญิงก็ตาม ชายก็ตาม จงยกไว้เมื่อบรรลุอรหัตตมรรคแล้ว ความเป็นพระอรหันต์ก็อยู่ในเงื้อมมือเท่านั้นแล.
บัดนี้ พระเถรีเมื่อจะแสดงว่าตนบรรลุแล้วตรงๆ ทีเดียวแก่มารนั้นจึงกล่าวคาถาว่า สพฺพตฺถ วิหตา นนฺทิ เป็นต้น คาถานั้นมีเนื้อความได้กล่าวไว้แล้วแล.
จบ อรรถกถาโสมาเถรีคาถา
จบ อรรถกถาติกนิบาต