๖๘. อรรถกถา อินทริยปโรปริยัตตญาณุทเทส ว่าด้วยอินทริยปโรปริยัตตญาณ
[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 155
มหาวรรค
ญาณกถามาติกา
๖๘. อรรถกถา อินทริยปโรปริยัตตญาณุทเทส
ว่าด้วยอินทริยปโรปริยัตตญาณ
เปิดอ่านหัวข้ออื่นๆ ... (เล่ม 68)
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 68]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 155
๖๘. อรรถกถาอินทริยปโรปริยัตตญาณุทเทส
ว่าด้วย อินทริยปโรปริยัตตญาณ
พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ครั้นยกญาณอันทั่วไปแก่พระสาวก ๖๗ ญาณขึ้นแสดงตามลำดับอย่างนี้แล้ว เพื่อจะแสดงญาณอันมีเฉพาะพระตถาคตเจ้าเท่านั้นไม่ทั่วไปแก่พระสาวกทั้งหลาย จึงได้ยกอสาธารณญาณ ๖ มีอินทริยปโรปริยัตตญาณขึ้นแสดง ณ บัดนี้.
แม้บรรดาอสาธารณญาณทั้ง ๖ นั้น พระตถาคตเจ้าทั้งหลาย เมื่อจะทรงตรวจดูความที่สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้มีภาชนะเป็นเครื่องรองรับพระธรรมเทศนา ก็ย่อมตรวจดูด้วยพุทธจักษุ. อินทริยปโรปริยัตตญาณและอาสยานุสยญาณทั้ง ๒ นี้เท่านั้น ชื่อว่า พุทธจักษุ. สมจริงดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธจักษุได้ทรงเห็นแล้วแล ซึ่งสัตว์ทั้งหลาย บางพวกมีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อย บางพวกมีธุลีคือกิเลสในจักษุมาก บางพวกมีอินทรีย์แก่กล้า บางพวกมีอินทรีย์อ่อน (๑) ดังนี้เป็นต้น.
๑. วิ.มหา. ๔/๙.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 156
และเมื่อตรวจดูสัตว์โลกทั้งหลาย ก็ทรงตรวจดูความแก่กล้าแห่งอินทรีย์ในสันดานของสัตว์ก่อน. ครั้นทรงทราบความแก่กล้าแห่งอินทรีย์แล้ว ต่อแต่นั้นก็ทรงตรวจดูอาสยานุสัยและจริต เพื่อแสดงธรรมตามสมควรแก่อาสยะเป็นต้น, แม้เพราะเหตุนั้น ท่านจึงยก อินทริยปโรปริยัตตญาณขึ้นแสดงก่อน, ในลำดับต่อจากนั้นก็ยกอาสยานุสยญาณขึ้นแสดง.
ก็เมื่อจะทรงแสดงธรรม ย่อมทรงกระทำปาฏิหาริย์แก่ผู้ควรแนะนำด้วยปาฏิหาริย์, เพราะเหตุนั้น พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรจึงยก ญาณในยมกปาฏิหาริย์ ขึ้นแสดงในลำดับต่อจากอาสยานุสยญาณ, เพื่อจะแสดงเหตุแห่งญาณทั้ง ๓ เหล่านี้ จึงยก มหากรุณาญาณ ขึ้นแสดง แล้วยก สัพพัญญุตญาณ ขึ้นแสดงเป็นลำดับต่อไป เพื่อแสดงความบริสุทธิ์แห่งมหากรุณาญาณ.
พึงทราบว่า พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรได้ยก อนาวรณญาณ ขึ้นแสดงในลำดับแห่งสัพพัญญุตญาณนั้น เพื่อแสดงความที่พระสัพพัญญุตญาณเป็นญาณที่เนื่องด้วยการระลึกถึงธรรมทั้งปวง และเพื่อแสดงความที่พระสัพพัญญุตญาณเป็น อนาวริยภาพ คือไม่มีอะไรขัดข้อง.
ในคำว่า อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณํ - ญาณในความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลายนี้ บทว่า สตฺตานํ - แห่งสัตว์ทั้งหลาย ข้างหน้า พึงนำมาประกอบในที่นี้ด้วยเป็น สตฺตานํ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 157
อินฺทฺริยปุโรปริยตฺตาณํ. เมื่อควรจะกล่าวว่า ปรานิ จ อปรานิ จ ปราปรานิ ท่านก็เรียกเสียว่า ปโรปรานิ เพราะทำให้เป็น โร อักษร ด้วยสนธิวิธี. ภาวะแห่งปโรประ ชื่อว่า ปโรปริยะ, ปโรปริยะนั่นแหละ ชื่อว่า ปโรปริยัตตะ, ความอ่อนและความแก่กล้าแห่งอินทรีย์ ๕ มีสัทธาเป็นต้น ของเวไนยสัตว์ทั้งหลาย ชื่อว่า อินทริยปโรปริ- ยัตตะ, ญาณในอินทริยปโรปริยัตตะ ชื่อว่า อินทริยปโรปริยัตตญาณ, อธิบายว่า ญาณในความที่อินทรีย์ทั้งหลายเป็นคุณสูงและต่ำ ปาฐะว่า อินฺทฺริยวโรวริยตฺตาณํ - ญาณในความที่อินทรีย์เป็นคุณประเสริฐและไม่ประเสริฐ ดังนี้ก็มี. พึงประกอบคำว่า วรานิ จ อวริยานิ จ วโรวริยานิ - ประเสริฐด้วย ไม่ประเสริฐด้วย ชื่อว่า ประเสริฐและไม่ประเสริฐ, ภาวะแห่งวโรวริยะ ชื่อว่า วโรวริยัตตะ.
คำว่า อวริยานิ - ไม่ประเสริฐ ความว่า ไม่สูงสุด. อีกอย่าง หนึ่ง ปร- อินทรีย์ที่ใช้ได้ด้วย, โอปร - อินทรีย์ที่ใช้ไม่ได้ด้วย ชื่อว่า ปโรประ, พึงประกอบความว่า ภาวะแห่งปโรประ ชื่อว่า ปโรปริยัตตะ - ความเป็นแห่งอินทรีย์ที่ใช้ได้และใช้ไม่ได้ดังนี้.
คำว่า โอปรานิ - อินทรีย์ที่ใช้ไม่ได้ มีคำอธิบายว่า ต่ำทราม, ความว่า ลามก ดุจในคำเป็นต้นว่า พิจารณาธรรมอันลามกของผู้ใดอยู่ (๑) ดังนี้. ท่านตั้งปาฐะไว้เป็นสัตตมีวิภัตติว่า อินฺทฺริยปโรปริยตฺเต าณํ ดังนี้ก็มี.
๑. ขุ. สุ. ๒๕/๓๕๙.