พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

อาทีนวญาณนิทเทส

 
บ้านธัมมะ
วันที่  24 พ.ย. 2564
หมายเลข  40907
อ่าน  572

[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 704

อาทีนวญาณนิทเทส

อรรถกถาทีนวญาณนิทเทส


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 68]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 15 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 704

อาทีนวญาณนิทเทส

[๑๑๕] ปัญญาในความปรากฏเป็นของน่ากลัว เป็นอาทีนวญาณอย่างไร?

ปัญญาในความปรากฏโดยความเป็นภัยว่า ความเกิดขึ้นเป็นภัย ความเป็นไปเป็นภัย สังขารนิมิตเป็นภัย ฯลฯ กรรมประมวลมาเป็นภัย ปฏิสนธิเป็นภัย คติเป็นภัย ความบังเกิดเป็นภัย ความอุบัติเป็นภัย ชาติเป็นภัย ชราเป็นภัย พยาธิเป็นภัย มรณะเป็นภัย ความโศกเป็นภัย ความรำพันเป็นภัย ความคับแค้นใจเป็นภัย เป็นอาทีนวญาณแต่ละอย่าง.

ญาณในสันติบทว่า ความไม่เกิดขึ้นปลอดภัย ความไม่เป็นไปปลอดภัย ฯลฯ ความไม่คับแค้นใจปลอดภัย ญาณในสันติบทว่า ความเกิดขึ้นเป็นภัย ความไม่เกิดขึ้นปลอดภัย ความเป็นไปเป็นภัย ความไม่เป็นไปปลอดภัย ฯลฯ ความคับแค้นใจเป็นภัย ความไม่คับแค้นใจปลอดภัย ปัญญาในความปรากฏโดยความเป็นภัยว่า ความเกิดขึ้นเป็นทุกข์ ฯลฯ ความคับแค้นใจเป็นทุกข์ เป็นอาทีนวญาณแต่ละอย่างๆ ญาณในสันติบทว่า ความไม่เกิดขึ้นเป็นสุข ความไม่เป็นไปเป็นสุข ฯลฯ ความไม่คับแค้นใจเป็นสุข.

[๑๑๖] ญาณในสันติบทว่า ความเกิดขึ้นเป็นทุกข์ ความไม่เกิดขึ้นเป็นสุข ความเป็นไปเป็นทุกข์ ความไม่เป็นไปเป็นสุข ฯลฯ

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 15 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 705

ความคับแค้นใจเป็นทุกข์ ความไม่คับแค้นใจเป็นสุข.

[๑๑๗] ปัญญาในความปรากฏโดยความเป็นภัยว่า ความเกิดขึ้นมีอามิส ความเป็นไปมีอามิส ฯลฯ ความคับแค้นใจมีอามิส เป็นอาทีนวญาณแต่ละอย่างๆ ญาณในสันติบทว่า ความไม่เกิดขึ้นไม่มีอามิส ความไม่เป็นไปไม่มีอามิส ฯลฯ ความไม่คับแค้นใจไม่มีอามิส ความเกิดขึ้นมีอามิส ความไม่เกิดขึ้นไม่มีอามิส ความเป็นไปมีอามิส ความไม่เป็นไปไม่มีอามิส ฯลฯ ความคับแค้นใจมีอามิส ความไม่คับแค้นใจไม่มีอามิส.

[๑๑๘] ปัญญาในความปรากฏโดยความเป็นภัยว่า ความเกิดขึ้นเป็นสังขาร ฯลฯ ความคับแค้นใจเป็นสังขาร เป็นอาทีนวญาณแต่ละอย่างๆ ญาณในสันติบทว่า ความไม่เกิดขึ้นเป็นนิพพาน ความไม่เป็นไปเป็นนิพพาน ฯลฯ ความไม่คับแค้นใจเป็นนิพพาน ญาณในสันติบทว่า ความเกิดขึ้นเป็นสังขาร ความไม่เกิดขึ้นเป็นนิพพาน ความเป็นไปเป็นสังขาร ความไม่เป็นไปเป็นนิพพาน ฯลฯ ความคับแค้นใจเป็นสังขาร ความไม่คับแค้นใจเป็นนิพพาน.

[๑๑๙] ข้อที่พระโยคาวจรพิจารณาเห็นความเกิดขึ้น ความเป็นไปแห่งสังขารนิมิต กรรมเครื่องประมวลมาปฏิสนธิว่าเป็นทุกข์ นี้เป็นอาทีนวญาณ ข้อที่พระโยคาวจรพิจารณาเห็นความไม่เกิดขึ้น

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 15 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 706

ความไม่เป็นไป ความไม่มีนิมิต ความไม่มีธรรมเครื่องประมวลมาและความไม่ปฏิสนธิว่าเป็นสุข นี้เป็นญาณในสันติบท อาทีนวญาณนี้ย่อมเกิดในฐานะ ๕ ญาณในสันติบทย่อมเกิดในฐานะ ๕ พระโยคาวจรย่อมรู้ชัดญาณ ๑๐ ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะทิฏฐิต่างๆ เพราะเป็นผู้ฉลาดในญาณทั้ง ๒ ฉะนี้แล.

ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในความปรากฏโดยความเป็นภัย เป็นอาทีนวญาณ.

อรรถกถาทีนวญาณนิทเทส

๑๑๕ - ๑๑๙] พึงทราบวินิจฉัยในอาทีนวญาณนิทเทสดังต่อไปนี้

บทว่า อุปฺปาโท - ความเกิดขึ้น คือ เกิดขึ้นในโลกนี้ เพราะกรรมเก่าเป็นปัจจัย.

บทว่า ปวตฺตํ - ความเป็นไป คือ ความเป็นไปของความเกิดขึ้นอย่างนั้น.

บทว่า นิมิตฺตํ คือ สังขารนิมิตแม้ทั้งหมด.

บทว่า อายูหนํ - กรรมประมวลมาเป็นภัย คือ กรรมอันเป็นเหตุแห่งปฏิสนธิต่อไป.

บทว่า ปฏิสนฺธิ คือ การเกิดต่อไป.

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 15 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 707

บทว่า คติ ได้แก่ คติอันเป็นปฏิสนธิ.

บทว่า นิพฺพตฺติ ได้แก่ การเกิดขึ้นแห่งขันธ์ทั้งหลาย.

บทว่า อุปปตฺติ ได้แก่ ความเป็นไปแห่งวิบาก ดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า สมาปนฺนสฺส วา อุปฺนฺนสฺส วา (๑) - แห่งภิกษุผู้เข้าสมาบัติแล้วก็ดี ผู้เข้าถึงแล้วก็ดี.

บทว่า ชาติ ได้แก่ ชาติมีภพเป็นปัจจัย อันเป็นปัจจัยของชราเป็นต้น. โดยตรง ชาติ คือ ความปรากฏครั้งแรกแห่งขันธ์ทั้งหลายที่ปรากฏแก่สัตว์ผู้เกิดในที่ภพนั้นๆ.

บทว่า ชรา ได้แก่ ความเก่าของขันธ์สันดานที่เนื่องกันในภพหนึ่ง ในสันตติที่รู้กันว่า มีฟันหักเป็นต้น.

บทว่า โสโก ได้แก่ ความเดือดร้อนใจของผู้ที่ถูกความเสื่อมจากญาติเป็นต้นกระทบแล้ว.

บทว่า ปริเทโว ได้แก่ ความพร่ำเพ้อของผู้ที่ถูกความเสื่อมจากญาติเป็นต้นกระทบ.

บทว่า อุปายาโส ได้แก่ ความแค้นใจมาก, คือ โทสะที่เกิดจากทุกข์ใจมากมายของผู้ที่ถูกความเสื่อมจากญาติเป็นต้นกระทบ. อนึ่ง ในบทนี้ท่านกล่าวถึงญาณในอาทีนวญาณ ๕ มีอุปาทะ เป็นต้น ด้วยสามารถเป็นที่ตั้งแห่งอาทีนวญาณ. ที่เหลือท่านกล่าวด้วย


๑. อภิ. สํ. ๓๔/๘๓๐.

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 15 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 708

ความเป็นไวพจน์ของธรรมเหล่านั้น. สองบทนี้ คือ นิพฺพตฺติ ชาติเป็นไวพจน์ของอุปาทะและของปฏิสนธิ. สองบทนี้ คือ คติ อุปปตฺติ เป็นไวพจน์ของความเป็นไป, ชราเป็นต้นเป็นไวพจน์ของนิมิต. ดังที่ ท่านกล่าวไว้ว่า

อุปฺปาทญฺจ ปวตฺตญฺจ นิมิตฺตํ ทุกฺขนฺติ ปสฺสติ

อายูหนํ ปฏิสนฺธิํ าณํ อาทีนเว อิทนฺติจ.

อิทํ อาทีนเว าณํ ปญฺจฏฺาเนสุ ชายตีติจ.

พระโยคาวจรย่อมเห็นอุปาทะ - ความเกิด ปวัตตะ - ความเป็นไป นิมิต - เครื่องหมาย อายูหนะ - กรรมเป็นเหตุให้ถือปฏิสนธิ และปฏิสนธิ - การเกิดว่าเป็นทุกข์ นี้เป็นอาทีนวญาณ และอาทีนวญาณนี้ย่อมเกิดขึ้นฐาน ๕.

อนึ่ง คำว่า ภยนฺติ ในทุกบท ตัดบทเป็น ภยํ อิติ.

บทว่า ภยํ ชื่อว่า ภัย เพราะมีภัยเฉพาะหน้า โดยประกอบด้วยความบีบคั้น.

บทว่า อิติ เป็นการแสดงเหตุของภยตูปัฏฐานญาณ.

ส่วนบทมีอาทิว่า อนุปฺปาโท เขมนฺติ สนฺติปเท าณํ - ญาณในสันติบทว่า ความไม่เกิดเป็นความปลอดภัย ท่านกล่าวเพื่อแสดงญาณอันเป็นปฏิปักษ์ต่ออาทีนวญาณ. อีกอย่างหนึ่ง บทนี้ท่านกล่าวไว้เพื่อ

 
  ข้อความที่ 6  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 15 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 709

ให้เกิดความปลอดโปร่งใจว่าแม้หทัยที่สะดุ้ง เพราะเห็นโทษด้วยภยตูปัฏฐานฌานไม่มีภัย มีความปลอดภัยคือไม่มีโทษ.

อีกอย่างหนึ่ง เพราะจิตของผู้ที่มีอุปาทะเป็นต้นตั้งไว้ด้วยดี โดยความเป็นภัย น้อมไปเพื่อความเป็นปฏิปักษ์ต่อภัยนั้น, ฉะนั้น พึงทราบว่า บทนี้ท่านกล่าวเพื่อแสดงถึงอานิสงส์ของอาทีนวญาณ อันสำเร็จแล้วด้วยภยตูปัฏฐานญาณ.

บทมีอาทิว่า อนุปฺปาโท อปฺปวตฺตํ - ความไม่เกิด ความไม่เป็นไป ได้แก่ นิพพานนั่นเอง.

บทว่า สนฺติปเท - ในสันติบท ได้แก่ ในส่วนแห่งสันติ คือ ในนิพพาน. จริงอยู่ แม้ญาณเกิดขึ้นเพราะถือเอาความต่างกันว่า สนฺติปทํ ด้วยการได้ฟังมา. ท่านก็กล่าวว่า สนฺติปเท าณํ - ญาณในสันติบท ดังนี้.

บทมีอาทิว่า อุปฺปาโท ภยํ, อนุปฺปาโท เขมํ - ความเกิดเป็นภัย, ความไม่เกิดปลอดภัย ท่านย่อบททั้งสองด้วยสามารถเป็นฝ่ายตรงกันข้ามต่อกัน แล้วกล่าวถือเอาญาณที่เกิดขึ้น.

อนึ่ง ในบทนี้ เพราะภัยเป็นทุกข์แน่นอน. และสิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นชื่อว่ามีอามิส เพราะไม่พ้นไปจากอามิส คือ วัฏฏะ อามิส คือ โลก และอามิสคือกิเลส. อนึ่ง สิ่งใดมีอามิส สิ่งนั้นเป็นเพียงสังขารเท่านั้น. เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวบทมีอาทิว่า อุปฺปาโท ทุกฺขนฺติ

 
  ข้อความที่ 7  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 15 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 710

ภยตูปฏฺาเน ปญฺา อาทีนเว าณํ - ปัญญาในความปรากฏเป็นของน่ากลัวว่า ความเกิดเป็นทุกข์ เป็นอาทีนวญาณ.

แม้เมื่อเป็นอย่างนั้น พึงทราบความต่างกันในบทนี้ ด้วยสามารถความเป็นไป โดยความต่างกัน โดยอาการอย่างนี้ คือ โดยอาการน่ากลัว โดยอาการเป็นทุกข์ โดยอาการมีอามิส โดยอาการเป็นสังขาร.

ท่านไม่ได้เพ่งถึงลิงค์ มีอุปปาทะเป็นต้นว่า อุปฺปาโท ภยํ, ทุกฺขํ, สามิสํ, สงฺขารา จ - ความเกิดเป็นภัย, เป็นทุกข์, เป็นอามิส, และเป็นสังขาร แล้วจึงกล่าวเพ่งถึงลิงค์ของตนดุจในบทมีอาทิว่า เนตํ โข สรณํ เขมํ, เนตํ สรณมุตฺตม (๑) - นี้แลไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษม, นี้ไม่ใช่ที่พึ่งอันอุดม.

อนึ่ง บทว่า สงฺขารา ท่านมิได้เพ่งความเป็นอย่างเดียว จึงทำเป็นพหุวจนะดุจในประโยคมีอาทิว่า อปฺปจฺจยา ธมฺมา, อสงฺขตา ธมฺมา (๒) - ธรรมทั้งหลายที่ไม่มีปัจจัย, ธรรมทั้งหลายที่เป็นอสังขตะ. หรือว่าเพราะ อุปฺปาโท เป็นต้นเป็นเอกเทศของสังขาร พึงทราบว่า ท่านทำเป็นพหุวจนะแม้ในเอกเทศของสังขารเป็นอันมาก ดุจในบทมีอาทิว่า อุตฺตเร ปญฺจาลา, ทกฺขิเณ ปญฺจาลา - ชาวปัญจาลนคร ในทิศอุดร, ชาวปัญจาลนครในทิศทักษิณ.


๑. ขุ. ธ. ๒๕/๒๔.

๒. อภิ. สํ. ๓๔/๓.

 
  ข้อความที่ 8  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 15 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 711

บทว่า เขมํ สุขํ นิรามิสํ นิพฺพานํ - นิพพานเป็นความปลอดภัย เป็นความสุข ไม่มีอามิส คือ ท่านกล่าวนิพพานนั่นแลเป็น ๔ อย่าง โดยเป็นปฏิปักษ์ต่ออาการดังกล่าวแล้ว.

บทว่า ทส าเณ ปชานาติ - พระโยคาวจรย่อมรู้ญาณ ๑๐ ได้แก่ พระโยคาวจรเมื่อรู้อาทีนวญาณ ย่อมรู้ ย่อมแทงตลอด ย่อมทำให้แจ้งซึ่งญาณ ๑๐ คือ ญาณอันเป็นที่ตั้งของ อุปฺปาท - การเกิดเป็นต้น ๕, ญาณอันเป็นที่ตั้งของ อนุปฺปาท - การไม่เกิด ๕.

บทว่า ทวินฺนํ าณานํ กุสลตา - เพราะเป็นผู้ฉลาดในญาณทั้ง ๒ ได้แก่ เพราะความเป็นผู้ฉลาดในญาณทั้ง ๒ อย่างเหล่านี้ คือ อาทีนวญาณ และ สันติปทญาณ.

บทว่า นานาทิฏฺีสุ น กมฺปติ - ย่อมไม่หวั่นไหวในทิฏฐิต่างๆ คือ ไม่หวั่นไหวในทิฏฐิทั้งหลาย อันเป็นไปแล้วด้วยสามารถนิพพาน อันเป็นทิฏฐธรรมอย่างยิ่ง.

จบ อรรถกถาอาทีนวญาณนิทเทส