พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

ญาณปัญจกนิทเทส

 
บ้านธัมมะ
วันที่  24 พ.ย. 2564
หมายเลข  40920
อ่าน  389

[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 836

ญาณปัญจกนิทเทส

๒๐ - ๒๔. อรรถกถาญาณปัญจกนิทเทส


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 68]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 16 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 836

ญาณปัญจกนิทเทส

[๑๘๕] ปัญญาอันรู้ยิ่งเป็นญาตัฏฐญาณอย่างไร ปัญญาเครื่องกำหนดรู้เป็นติรณัฏฐญาณ ปัญญาเครื่องละเป็นปริจจาคัฏฐญาณ ปัญญาเครื่องเจริญเป็นเอกรสัฏฐญาณ ปัญญาเครื่องกระทำให้แจ้งเป็นผัสสนัฏฐญาณ.

พระโยคาวจรรู้ยิ่งธรรมใดๆ แล้ว เป็นอันรู้ธรรมนั้นๆ แล้ว กำหนดรู้ธรรมใดๆ แล้ว เป็นอันพิจารณาธรรมนั้นๆ แล้ว ละธรรม ใดๆ ได้แล้ว เป็นอันสละธรรมนั้นๆ แล้ว เจริญธรรมใดๆ แล้ว

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 16 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 837

ธรรมนั้นๆ ย่อมมีกิจเป็นอันเดียวกัน กระทำให้แจ้งธรรมใดๆ แล้ว เป็นอันถูกต้องตามธรรมนั้นๆ แล้ว.

ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาอันรู้ยิ่งเป็นญาตัฏฐญาณ ปัญญาเครื่องกำหนดรู้เป็นติรณัฏฐญาณ ปัญญาเครื่องละเป็นปริจจาคัฎฐญาณ ปัญญาเครื่องเจริญเป็นเอกรสัฏฐญาณ ปัญญาเครื่องกระทำให้แจ้งเป็นผัสสนัฏฐญาณ.

๒๐ - ๒๔. อรรถกถาญาณปัญจกนิทเทส

๑๘๕] พึงทราบวินิจฉัยในญาณปัญจกนิทเทสดังต่อไปนี้. ท่านทำปุจฉาวิสัชนารวมเป็นอันเดียว เพราะมีความสัมพันธ์กันเป็นลำดับแห่งญาณ ๕ เหล่านั้น.

บทว่า อภิญฺาตา โหนฺติ - เป็นผู้รู้แจ้งธรรมแล้ว คือ เป็นผู้รู้ด้วยดี ด้วยสามารถรู้ลักษณะแห่งสภาวธรรม.

บทว่า าตา โหนฺติ - เป็นอันรู้ธรรมแล้ว คือ ชื่อว่า เป็นอันรู้แล้ว เพราะรู้ตามสภาพด้วยสามารถแห่งญาตปริญญา. เป็นอันรู้ธรรมเหล่านั้นแล้วด้วยญาณใด. ชื่อว่า ญาณ เพราะอรรถว่ารู้ญาณนั้น. พึงทราบการเชื่อมว่า ชื่อว่า ปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด. โดยนัยแม้นี้พึงประกอบแม้ญาณที่เหลือ.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 16 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 838

บทว่า ปริญฺาตา โหนฺติ - เป็นอันกำหนดรู้แล้ว คือ เป็นอันรู้โดยรอบด้วยสามารถแห่งสามัญลักษณะ.

บทว่า ตีริตา โหนฺติ - เป็นอันพิจารณาแล้ว คือ เข้าไปกำหนดให้ถึงพร้อมด้วยความเป็นของไม่เที่ยงเป็นต้น ด้วยสามารถแห่งตีรณปริญญา.

บทว่า ปหีนา โหนิติ - เป็นอันละได้แล้ว คือ เป็นอันละนิจสัญญาเป็นต้น ด้วยอนิจจานุปัสนาญาณเป็นต้น ตั้งแต่ภังคานุปัสนาญาณ.

บทว่า ปริจฺจตฺตา โหนฺติ - เป็นอันสละแล้ว คือ เป็นอันทอดทิ้งด้วยสามารถแห่งการละนั่นเอง.

บทว่า ภาวิตา โหนฺติ - เป็นอันเจริญแล้ว คือ เป็นอันเจริญแล้วและอบรมแล้ว.

บทว่า เอกรสา โหนฺติ - มีรสเป็นอันเดียวกัน คือ มีกิจอย่างเดียวกัน ด้วยการให้สำเร็จกิจของตน และด้วยการละฝ่ายตรงกันข้าม. หรือมีรสเป็นอันเดียวกัน ด้วยวิมุตติรส ด้วยการพ้นจากธรรมเป็นฝ่ายข้าศึก.

บทว่า สจฺฉิกตา โหนฺติ - เป็นอันทำให้แจ้งแล้ว คือ เป็นอันทำให้ประจักษ์ว่า ผลธรรม ด้วยสามารถการได้นิพพานธรรม ด้วยสามารถการแทงตลอด.

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 16 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 839

บทว่า ผสฺสิตา โหนฺติ - เป็นอันถูกต้องแล้ว คือ เป็นอันถูกต้อง คือ ได้รับผลด้วยการถูกต้อง ด้วยการได้ และด้วยการถูกต้อง ด้วยการแทงตลอด ท่านกล่าวญาณ ๕ เหล่านี้ด้วยสามารถสุตมยญาณแล้วในหนหลัง. ในที่นี้ท่านกล่าวด้วยสามารถยังกิจของตนให้สำเร็จ.

จบ อรรถกถาญาณปัญจกนิทเทส