วีริยารัมภญาณนิทเทส
[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 913
วีริยารัมภญาณนิทเทส
๓๘. อรรถกถาวีริยารัมภญาณนิทเทส
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 68]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 913
วีริยารัมภญาณนิทเทส
[๒๓๗] ปัญญาในความประคองไว้ซึ่งจิตอันไม่หดหู่และจิตที่ส่งไป เป็นวีริยารัมภญาณอย่างไร?
ปัญญาในความประคองไว้ซึ่งจิตอันไม่หดหู่และจิตที่ส่งไปเพื่อจะยังอกุศลธรรมอันลามกที่ยังไม่เกิดมิให้เกิดขึ้น เพื่อละอกุศลธรรมอันลามกที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น เพื่อความตั้งมั่น เพื่อความไม่เลอะเลือน เพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์ เพื่อความเจริญ เพื่อความบริบูรณ์แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นวีริยารัมภญาณแต่ละอย่างๆ.
[๒๓๘] ปัญญาในความประคองไว้ซึ่งจิตอันไม่หดหู่และจิตที่ส่งไป เพื่อยังกามฉันทะที่ยังไม่เกิดมิให้เกิดขึ้น เพื่อละกามฉันทะที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อยังเนกขัมมะที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น เพื่อความตั้งมั่น เพื่อความไม่เลอะเลือน ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์ แห่งเนกขัมมะที่เกิดขึ้นแล้ว ฯลฯ เพื่อยังกิเลสทั้งปวงที่ยังไม่เกิดมิให้เกิดขึ้น เพื่อละกิเลสทั้งปวงที่เกิดขึ้นแล้ว ฯลฯ เพื่อยังอรหัตตมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น เพื่อความตั้งมั่น เพื่อความไม่เลอะเลือน เพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์ เพื่อความเจริญ เพื่อความบริบูรณ์ แห่งอรหัตตมรรคที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นวีริยารัมภญาณแต่ละอย่างๆ.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 914
ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในความประคองไว้ซึ่งจิตอันไม่หดหู่และจิตส่งไป เป็นวีริยารัมภญาณ.
๓๘. อรรถกถาวีริยารัมภญาณนิทเทส
๒๓๗ - ๒๓๘] พึงทราบวินิจฉัยในวีริยารัมภญาณนิทเทสดังต่อไปนี้.
บทว่า อนุปฺปนฺนานํ - ที่ยังไม่เกิด คือ ยังไม่เกิดในอัตภาพหนึ่ง หรือในอารมณ์หนึ่ง. เพราะชื่อว่าอกุศลอันไม่เกิดในสงสารอันไม่รู้เบื้องต้นและที่สุด ย่อมไม่มี แต่กุศลมี.
บทว่า ปาปกานํ คือ ลามก.
บทว่า อกุสลานํ ธมฺมานํ คือ ธรรมอันเป็นความไม่ดี.
บทว่า อนุปฺปาทาย - เพื่อมิให้เกิดขึ้น คือ เพื่อความที่จะไม่ให้เกิดขึ้น.
บทว่า อุปฺปนฺนานํ คือ ที่เกิดแล้วในอัตภาพนี้.
บทว่า ปหานาย คือ เพื่อต้องการละ.
บทว่า อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ - กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด คือ ธรรมอันเป็นความดีที่ยังไม่เคยเกิดในอัตภาพนี้.
บทว่า อุปฺปาทาย คือ เพื่อต้องการให้เกิด.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 915
บทว่า อุปฺปนฺนานํ - ที่เกิดขึ้นแล้ว คือ ที่เกิดแล้วในอัตภาพนี้.
บทว่า ฐิติยา คือ เพื่อความตั้งมั่น.
บทว่า อสมฺโมสาย - เพื่อความไม่เลอะเลือน คือ เพื่อความไม่สูญหาย.
บทว่า ภิยฺโยภาวาย - เพื่อความเจริญยิ่ง คือ เพื่อเกิดบ่อยๆ.
บทว่า เวปุลฺลาย คือ เพื่อความไพบูลย์.
บทว่า ภาวนาย คือ เพื่อความเจริญ.
บทว่า ปาริปูริยา คือ เพื่อความบริบูรณ์.
บัดนี้ พระสารีบุตรเถระเพื่อแสดงถึงกามฉันทะในอกุศลและเนกขัมมะในกุศลให้แปลกออกไป จึงกล่าวบทมีอาทิว่า อนุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส - กามฉันทะที่ยังไม่เกิด.
ในบทเหล่านั้น บทว่า กามจฺฉนฺโท ได้แก่ กามราคะอันเป็นปฏิปักษ์ต่อสมาธิ.
บทว่า เนกฺขมฺมํ ได้แก่ ปฐมฌานสมาธิ หรือปฐมฌาน หรือกุศลธรรมทั้งหมดนั่นแหละ เป็นเนกขัมมะ.
บัดนี้ พระสารีบุตรเถระเพื่อแสดงประกอบด้วยสามารถแห่งกิเลสทั้งปวง และอรหัตตมรรคอันเป็นปฏิปักษ์ต่อกิเลสทั้งปวง จึงกล่าวบทมีอาทิว่า อนุปฺปนฺนานํ สพฺพกิเลสานํ - ยังกิเลสทั้งปวงที่ยังไม่เกิดขึ้น.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 916
ในบทเหล่านั้น บทมีอาทิว่า อุปฺปนฺนสฺส อรหตฺตมคฺคสฺส ฐิติยา - เพื่อความตั้งมั่นแห่งอรหัตตมรรคที่เกิดขึ้นแล้ว พึงทราบการประกอบบทมีอาทิว่า ิติยา ด้วยสามารถแห่งฐีติขณะและภังคขณะของอรหัตตมรรคที่เกิดขึ้นแล้วในอุปาทขณะ. แม้ในอรรถกถาแห่งวิภังค์ ท่านก็กล่าวว่า ความเป็นไปแห่งอรหัตตมรรคชื่อว่า ิติ คือ ความตั้งมั่น. แต่อาจารย์บางพวกกล่าวว่า พึงเห็นมรรคอันเป็นส่วนเบื้องต้นแห่ง อรหัตตมรรค.
จบ อรรถกถาวีริยารัมภญาณนิทเทส