พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

โขมทายกเถราปทานที่ ๑๐ (๓๐) ว่าด้วยผลแห่งกาลถวายผ้าโขมะ

 
บ้านธัมมะ
วันที่  26 พ.ย. 2564
หมายเลข  41019
อ่าน  420

[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 116

เถราปทาน

สุภูติวรรคที่ ๓

โขมทายกเถราปทานที่ ๑๐ (๓๐)

ว่าด้วยผลแห่งกาลถวายผ้าโขมะ


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 16 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 116

โขมทายกเถราปทานที่ ๑๐ (๓๐)

ว่าด้วยผลแห่งกาลถวายผ้าโขมะ

[๓๒] เวลานั้น เราเป็นพ่อค้าอยู่ในนครพันธุมดี ด้วยการค้าขายนั้น เราได้เลี้ยงดูภริยา และก่อสร้างกุศลสมบัติ เราต้องการกุศล ได้ถวายผ้าโขมะผืนหนึ่งแด่พระศาสดาพระนามว่า วิปัสสี ผู้ทรงแสวงหาคุณใหญ่หลวง เสด็จดำเนินอยู่ในถนน.

ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ เวลานั้น เราได้ถวายผ้าโขมะใด ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลของการถวายผ้าโขมะ ในกัปที่ ๒๗ แต่กัปนี้ เราเป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนาม ว่า สินธวสันทนะ สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ เป็นใหญ่ในทวีปทั้ง ๔. คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระโขมทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.

จบโขมทายกเถราปทาน

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 16 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 117

๓๐. อรรถกถาโขมทายกเถราปทาน

อปทานของท่านพระโขมทยกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า นคเร พนฺธุมติยา ดังนี้.

พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสยแห่งพระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า วิปัสสี บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง เจริญวัยแล้ว เลื่อมใสยิ่งในพระศาสนา นับถือพระรัตนตรัยว่าเป็น ของของเรา ฟังธรรมในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า วิปัสสี มีใจ เลื่อมใส ได้กระทำการบูชาด้วยผ้าไหม. ท่านได้กระทำผ้าไหมนั้นนั่นแล ให้เป็นมูลค่า ทำบุญตลอดชีวิต จากนั้นก็บังเกิดในเทวโลก. เสวยทิพยสุขไปมาในเทวดา ๖ ชั้น จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว เสวยมนุษยสมบัติ มีอย่างต่างๆ มีจักรพรรดิเป็นต้น ในมนุษยโลก เมื่อบุญสมภารถึงความแก่รอบแล้ว บังเกิดในเรือนมีตระกูล ในพุทธุปบาทกาลนี้ เจริญวัยแล้วฟังธรรมในสำนักของพระศาสดา ได้ศรัทธาแล้วบรรพชา เจริญวิปัสสนา ไม่นานนักก็บรรลุพระอรหัต. ท่านปรากฏโดยนามแห่งบุญที่ตนได้ทำไว้ว่า โขมทายกเถระ.

ท่านระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะแสดงปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า นคเร พนฺธมติยา ดังนี้. ในคำนั้น ญาติ ท่านเรียกว่า พันธุ พวกพ้องอยู่สืบต่อกัน มาในนครใด นครนั้นท่านเรียก

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 16 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 118

ว่า พันธุมดี. คำว่า โรเปมิ พีชสมฺปทํ ความว่า เราปลูก คือเริ่มตั้งพืชสมบัติ คือบุญ มีทานและศีลเป็นต้น.

จบอรรถกถาโขมททายกเถราปทาน

จบอรรถกถาสุภูติวรรคที่ ๓

จบอรรถกถาจตุภาณวาร

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. สุภูติเถราปทาน ๒. อุปวาณเถราปทาน ๓. ตีณิสรณาคมนิยเถราปทาน ๔. ปัญจสีลสมาทานิยเถราปทาน ๕. อันนสังสาวกเถราปทาน ๖. ธูปทายกเถราปทาน ๗. ปุลินปูชกเถราปทาน ๘. อุตติ- เถราปทาน ๙. เอกัญชลิกเถราปทาน ๑๐. โขมทายกเถราปทาน.

คาถารวมทั้งหมดที่ท่านกล่าวไว้มี ๑๘๕ คาถา.

จบสุภูติวรรคที่ ๓

จบภาณวารที่ ๔