พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

โมฆราชเถราปทานที่ ๕ (๓๕) ว่าด้วยผลแห่งการถวายบังคมพระพุทธเจ้า

 
บ้านธัมมะ
วันที่  27 พ.ย. 2564
หมายเลข  41024
อ่าน  310

[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 149

เถราปทาน

กุณฑธานวรรคที่ ๔

โมฆราชเถราปทานที่ ๕ (๓๕)

ว่าด้วยผลแห่งการถวายบังคมพระพุทธเจ้า


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 149

โมฆราชเถราปทานที่ ๕ (๓๕)

ว่าด้วยผลแห่งการถวายบังคมพระพุทธเจ้า

[๓๗] ก็พระผู้นี้พระภาคเจ้าผู้สยัมภู พระนามว่าอัตถทัสสี ไม่ ทรงแพ้อะไรๆ แวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์ เสด็จดำเนินไปใน ถนน เราแวดล้อมด้วยพวกศิษย์ทั้งหลายออกจากเรือนไป ครั้นแล้วได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นนายกของโลกที่ถนน นั้น.

เราได้ประนมอัญชลีเหนือเศียรเกล้า ถวายบังคมพระสัมพุทธเจ้า ยังจิตของตนให้เลื่อมใสแล้ว เชยชมพระองค์ นายกของโลก.

สัตว์ที่มีรูปก็ดี ไม่มีรูปก็ดี มีสัญญาก็ดี ไม่มีสัญญาก็ดี ประมาณเท่าใด สัตว์เหล่านั้นย่อมเข้าไปภายในพระญาณของ พระองค์ทั้งหมด เปรียบเหมือนสัตว์ในน้ำเหล่าใดเหล่าหนึ่ง สัตว์เหล่านั้นย่อมติดอยู่ภายในข่ายของคนที่เอาข่ายตาเล็กๆ เหวี่ยงลงในน้ำฉะนั้น.

อนึ่ง สัตว์ผู้มีเจตนาเหล่าใด คือ สัตว์ที่มีรูป และไม่มีรูป สัตว์เหล่านั้นย่อมเข้าไปภายในญาณของพระองค์ทั้งหมด พระองค์ทรงถอนโลกอันอากูล ด้วยความมืดนี้ขึ้นได้แล้ว.

สัตว์เหล่านั้นได้ฟังธรรมของพระองค์แล้ว ย่อมข้าม กระแสความสงสัยได้ โลกอันอวิชชาห่อหุ้มแล้ว อันความมืด

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 150

ท่วมทับ ทรงกำจัดความมืดได้ ส่องแสงโชติช่วงอยู่ เพราะ พระญาณของพระองค์ พระองค์ทรงมีจักษุ เป็นผู้ทรงบรรเทา ความมืดมนของสัตว์ทั้งปวง.

ชนเป็นอันมากฟังธรรมของพระองค์แล้ว จักนิพพาน ดังนี้แล้ว เราเอาน้ำผึ้งรวงอันไม่มีตัวผึ้งใส่เต็มหม้อแล้ว ประคองด้วยมือทั้งสอง น้อมถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระมหาวีรเจ้าผู้แสวงหาคุณอันใหญ่หลวง ทรงรับด้วยพระหัตถ์ อันงาม.

ก็พระสัพพัญญูเสวยน้ำผึ้งนั้นแล้ว เสด็จเหาะขึ้นสู่นภากาศ พระศาสดาพระนามว่าอัตถทัสสีนราสภ ประทับอยู่ใน อากาศ ทรงยังจิตของเราให้เลื่อมใส ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ ว่า ผู้ใดชมเชยญาณนี้ และชมเชยพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ สุด.

ด้วยจิตอันเลื่อมใสนั้น ผู้นั้นจะไม่ไปสู่ทุคติ และผู้นั้น จักเสวยเทวรัชสมบัติ ๖๔ ครั้ง จักได้เป็นพระเจ้าประเทศราช ครอบครองแผ่นดิน ๘๐๐ ครั้ง จักได้เป็นพระเจ้าจักรรดิ ๕๐๐ ครั้ง จักได้เป็นพระเจ้าประเทศราชเสวยสมบัติอยู่ใน แผ่นดินนับไม่ถ้วน จักเป็นผู้เล่าเรียนทรงจำมนต์ รู้จบ ไตรเพท.

จักบวชในศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าโคดม จักพิจารณาอรรถอันลึกซึ้งอันละเอียดได้ด้วยญาณ.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 151

จักเป็นสาวกของพระศาสดา มีนามชื่อว่าโมฆราช จัก ถึงพร้อมด้วยวิชชา ๓ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีอาสวะ.

พระโคดมผู้ทรงเป็นยอดของผู้นำหมู่ จักทรงตั้งผู้นั้นไว้ ในเอตทัคคสถาน เราละกิเลสเครื่องประกอบของมนุษย์ ตัคเครื่องผูกพันในภพ กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว ไม่มีอาสวะ อยู่.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระโมฆราชเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.

จบโมฆราชเถราปทาน

๓๕. อรรถกถาโมฆราชเถราปทาน

อปทานของท่านพระโมฆราชเถระ มีคำเริ่มต้นว่า อตฺถทสฺสี ตุ ภควา ดังนี้.

พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาล แห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ บังเกิดในเรือนมีตระกูล บรรลุ นิติภาวะแล้ว วันหนึ่ง ฟังธรรมในสำนักพระศาสดา เห็นพระศาสดา ทรงตั้งภิกษุรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งอันเลิศแห่งภิกษุผู้ทรงจีวรอันเศร้าหมอง

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 152

หวังตำแหน่งนั้น จึงกระทำความปรารถนา กระทำบุญในภพนั้นๆ ใน กาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า อัตถทัสสี บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ อีก ถึงความสำเร็จในวิชาศิลปะ วันหนึ่ง เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่าอัคถทัสสี แวดล้อมไปด้วยภิกษุสงฆ์เสด็จไปตามถนน มีใจ เลื่อมใสถวายบังคมด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ประคองอัญชลีเหนือเศียรเกล้า ชมเชยด้วยอาการ ๖ อย่างมีอาทิว่า ยาวตา รูปิโน สตฺถา บรรจุภาชนะ ให้เต็มแล้วน้อมน้ำผึ้งเข้าไปถวาย. พระศาสดาทรงรับน้ำผึ้งแล้ว ได้การทำ อนุโมทนา. ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ ทั้งหลาย ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากัสสปะ บังเกิดเป็น อำมาตย์ของพระราชาพระนามว่า กัฏฐวาหนะ ถูกพระราชานั้นส่งไป เพื่อนำพระศาสดามา ไปเฝ้าพระศาสดา ฟังธรรมแล้วได้ศรัทธา บวช แล้วบําเพ็ญสมณธรรมสิ้นสองหมื่นปี จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ท่องเที่ยว ไปในสุคตินั้นเอง สิ้นพุทธันดรหนึ่ง ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดใน ตระกูลพราหมณ์ ได้นามว่า โมฆราช ได้ศึกษาศิลปะในสำนักพาวรี พราหมณ์ เกิดความสังเวช บวชเป็นดาบส มีดาบสพันหนึ่งเป็นบริวาร ถูกส่งไปยังสำนักพระศาสดาพร้อมด้วยอชิตดาบสเป็นต้น เป็นที่ ๑๕ ของ ดาบสเหล่านั้น ถามปัญหาในที่สุดแห่งการวิสัชนาปัญหาบรรลุพระอรหัต ก็แลครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว ทรงผ้าบังสุกุลอันประกอบด้วยผ้าเศร้าหมอง โดยพิเศษทั้ง ๓ อย่าง คือเศร้าหมองด้วยศาสตรา. เศร้าหมองด้วยด้าย ๑ เศร้าหมองด้วยเครื่องย้อม ๑. ด้วยเหตุนั้น พระศาสดาจึงทรงตั้งท่านไว้ ในตำแหน่งอันเลิศแห่งภิกษุทั้งหลายผู้ทรงไตรจีวรอันเศร้าหมอง.

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 153

ท่านบรรลุพระอรหัตตผล โดยสมควรแก่ความปรารถนา ด้วย ประการฉะนั้นแล้ว เห็นบุพสมภารของตน เมื่อจะประกาศปุพพกัมมาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า อตฺถทสฺสี ตุ ภควา ดังนี้. คำทั้งหมดนั้น มีอรรถ ดังทั้งนั้น. ไห หรือหม้อเขาเรียกว่าปุฏกะ ในบทว่า ปุฏกํ ปูรยิตฺวาน ดังนี้. เชื่อมความว่า ท่านบรรจุหม้อให้เต็มด้วยน้ำผึ้ง อันปราศจาก ไข่แมลงวันไม่มีโทษ บริสุทธิ์ ประคองหม้อนั้นด้วยมือทั้งสอง ถือเอา โดยประการเอื้อเฟื้อ นำเข้าไปถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้แสวง คุณอันยิ่งใหญ่ คำที่เหลือมีอรรถรู้ได้ง่ายทั้งนั้น.

จบอรรถกถาโมฆราชเถรปทาน