พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

อายาตทายกเถราปทานที่ ๘ (๓๘) ว่าด้วยผลแห่งการสร้างศาลาโรงฉัน

 
บ้านธัมมะ
วันที่  27 พ.ย. 2564
หมายเลข  41027
อ่าน  353

[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 159

เถราปทาน

กุณฑธานวรรคที่ ๔

อายาตทายกเถราปทานที่ ๘ (๓๘)

ว่าด้วยผลแห่งการสร้างศาลาโรงฉัน


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 159

อายาตทายกเถราปทานที่ ๘ (๓๘)

ว่าด้วยผลแห่งการสร้างศาลาโรงฉัน

[๔๐] เมื่อพระโลกนาถพระนามว่าสิขี ผู้ประเสริฐของพวกคน ผู้กล่าว (ยกย่องตน) นิพพานแล้ว เราร่าเริง มีจิตโสมนัส ได้ให้พระสถูปอันอุดม.

ในกาลนั้น เราร่าเริงมีจิตโสมนัส ให้คนไปบอกกับนาย ช่างไม้ ให้ทรัพย์แล้ว จ้างให้ทำศาลาโรงฉัน.

เราอยู่ในเทวโลกตลอด ๘ กัปโดยไม่สับสนกันเลย ใน กัปที่เหลือ เราท่องเที่ยว ไปสับสนกัน.

ยาพิษย่อมไม่กล้ำกรายในกายเรา และศาสตราไม่กระทบ กายเรา เราไม่พึงตายในน้ำ นี้เป็นผลแห่งการสร้างศาลา โรงฉัน.

เราปรารถนาฝนเมื่อใด มหาเมฆย่อมยังฝนให้ตกเมื่อนั้น แม้เทวดาทั้งหลายก็ตกอยู่ในอำนาจของเรา นี้เป็นผลแห่งบุญ กรรม.

เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ ๓๐ ครั้ง ใครๆ ย่อมไม่ดูหมิ่นเรา นี้เป็นผลแห่งการบุญกรรม.

ในกัปที่ ๓๑ แต่กัปนี้ เราได้สร้างศาลาโรงฉันใด ด้วย กรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งกรรมสร้างศาลา โรงฉัน.

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 160

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระอายาตทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย ประการฉะนี้แล.

จบอายาตทายกเถราปทาน

๓๘. อรรถกดถาอายาคทายกเถราปทาน (๑)

อปทานของท่านพระอายาคทายกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า นิพฺพุเต โลกนาถมฺหิ ดังนี้.

พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญญาธิการในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลที่ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสิขีปรินิพพานแล้ว บังเกิดในเรือนมีตระกูล แห่งหนึ่ง เลื่อมใสในพระศาสนา ได้จ้างนายช่างให้สร้างโรงฉันยาวอัน เป็นที่รื่นรมย์ยิ่งนัก นิมนต์ภิกษุสงฆ์ให้บริโภคอาหารอันประณีต ถวาย มหาทานยังจิตให้เลื่อมใส. ท่านบำเพ็ญบุญจนตลอดอายุ ท่องเที่ยวไปใน เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายนั่นแล เสวยสมบัติทั้งสอง ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือนมีตระกูล ได้ศรัทธาบวชแล้วเพียรพยายามเจริญวิปัสสนา ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรหัต. ด้วยอำนาจบุญที่ท่านบำเพ็ญไว้ในกาล ก่อน จึงปรากฏนามว่า อายาคทายกเถระ ดังนี้.


๑. บาลีเป็น อายาตทายกเถราปทาน.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 161

ท่านบรรลุพระอรหัต ด้วยอำนาจบุญสมภาร ที่ท่านบำเพ็ญมาด้วย อาการอย่างนี้ ระลึกถึงกุศลกรรมที่คนบำเพ็ญในกาลก่อน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า นิพฺพุเต โลกนาถมฺหิ ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิพฺเพเต ความว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสิขี ผู้ประเสริฐสูงสุดในระหว่างแห่งศาสดาอื่น ผู้กล่าวว่า เราทั้งหลายเป็นพระพุทธเจ้า ปรินิพพานแล้ว. บทว่า หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน ความว่า เราหรรษาร่าเริง มีจิตร่าเริงเพราะความ ที่ตนมีจิตสัมปยุตด้วยโสมนัส ได้ไหว้คือนอบน้อมพระสถูปอันสูงสุด คือ พระเจดีย์อันประเสริฐ.

บทว่า วฑฺฒกีหิ กถาเปตฺวา ความว่า ให้กล่าวประมาณการว่า โรงฉันนี้มีประมาณเท่าไร. บทว่า มูลํ ทตฺวานหํ ตทา ความว่า ใน ครั้งนั้น คือในกาลนั้น เราได้ให้ค่าจ้างแก่นายช่างไม้เหล่านั้น เพื่อ ประโยชน์แก่การทำกรรม ยินดีคือมีจิตสัมปยุตด้วยโสมนัส ได้ก่อสร้าง โรงฉันยาวรี. คำที่เหลือมีอรรถรู้ได้ง่ายทั้งนั้นแล.

จบอรรถกถาอายาคทายกเถราปทาน