เงิน
ความอยาก ความต้องการ ความติดข้อง ความยินดี ฯลฯ เป็นอกุศลประเภทโลภะทั้งสิ้น ในวันๆ หนึ่งขณะจิต (ชวน) ของปุถุชนทั้งหลาย โดยมากเป็นไปกับโลภะเป็นส่วนมาก เพราะถ้าจิตไม่เป็นไปในทาน ศีล และภาวนา ขณะนั้นก็เป็นอกุศล ไม่โลภะ ก็โทสะ หรือไม่ก็โมหะ ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาก็โลภะแล้วไม่ต้องกล่าวถึงการอยากได้เงินเพิ่ม
การหาเงินทางสุจริต ขยันขึ้นเพื่อจะได้ขึ้นเงินเดือนก็เป็นโลภะที่ชาวโลกไม่ติเตียนเพราะไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือนร้อน โลภะมี ๒ อย่าง
๑. สมโลภะ โลภะธรรมดา เป็นปกติ ชาวโลกไม่ติเตียน
๒. วิสมโลภะ โลภะที่มีกำลังถึงขั้นล่วงออกมาเป็นทุจริต ชาวโลกติเตียน
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
คำว่า โลภ ก่อนศึกษาธรรม เราก็จะเข้าใจว่าเป็นความต้องการอย่างมาก แสดงให้เห็นออกมา เช่น อยากได้เสื้อผ้าตัวนั้นมากๆ แต่เมื่อศึกษาธรรมแล้วโลภหรือโลภะ ก็มีหลายระดับ ตามกำลังของกิเลส แม้ขั้นที่บางเบา เล็กน้อยที่เป็นความติดข้องก็เป็นโลภะ เช่น พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้วได้พักซักที จิตที่ยินดีพอใจเกิดขึ้นแล้ว (โลภะ) หรือโลภะที่มีระดับรุนแรงขึ้นเช่น ต้องการอยากได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่ก็ยังไม่เป็นไปในการล่วงทุจริตเป็นอกุศลกรรม จนถึงระดับโลภะที่ล่วงเป็นอกุศลกรรม เช่น ขโมยของคนอื่น เป็นต้น ดังนั้น โลภะที่เกิดขึ้นนั้นจึงเป็นปกติของปุถุชนที่ยังมีกิเลสมาก หนทางดับกิเลสไม่ใช่ให้ไปละโลภะก่อน แต่ต้องละความเห็นผิด ว่าไม่ใช่เรา เป็นเพียงธรรมเสียก่อนครับ จึงจะสามารถดับกิเลส คือ โลภะได้ครับ เริ่มต้นศึกษาก่อนนะครับว่าทุกอย่างเป็นธรรมไม่ใช่เรา ด้วยขั้นการฟังว่า ธรรมคืออะไรครับ ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์