พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

จังกมทายกเถรปทานที่ ๘ (๔๘) ว่าด้วยผลแห่งการถวายที่จงกรม

 
บ้านธัมมะ
วันที่  27 พ.ย. 2564
หมายเลข  41037
อ่าน  332

[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 194

เถราปทาน

อุปาลิวรรคที่ ๕

จังกมทายกเถรปทานที่ ๘ (๔๘)

ว่าด้วยผลแห่งการถวายที่จงกรม


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 194

จังกมทายกเถรปทานที่ ๘ (๔๘)

ว่าด้วยผลแห่งการถวายที่จงกรม

[๕๐] เราได้ให้ทำสถานที่จงกรมก่อด้วยอิฐ ถวายแด่พระมุนี พระนามว่าอัตถทัสสี ผู้เป็นเชษฐบุรุษของโลก ผู้คงที่.

สถานที่จงกรมสร้างสำเร็จดีแล้ว โดยสูง ๕ ศอกโดยยาว ๑๐๐ ศอก ควรเป็นที่เจริญภาวนา น่ารื่นรมย์ใจ.

พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าอัตถทัสสี ผู้เป็นพระผู้อุดม ทรงรับแล้ว ทรงกำทรายด้วยฝ่าพระหัตถ์แล้ว ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า

ด้วยการถวายทรายนี้ และด้วยการถวายที่จงกรมอันทำ เสร็จดีแล้ว ผู้นั้นจักได้เสวยผลแต่ทรายอันประกอบด้วยแก้ว ๗ ประการ

จักเสวยเทวรัชสมบัติ ในเทวดาทั้งหลายตลอด ๓ กัป อัน นางอัปสรแวดล้อมแล้วเสวยสมบัติ

เขามาสู่มนุษยโลกแล้ว จักได้เป็นพระราชาในแว่นแคว้น และจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิในแผ่นดิน ๓ ครั้ง ในกัป ที่ ๑,๘๐๐ เราได้ทำกรรมใดครั้นเวลานั้น ด้วยกรรมนั้น เรา ไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายที่จงกรม.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 195

ทราบว่า ท่านพระจังกมทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านั้น ด้วย ประการฉะนี้แล.

จบจังกมทายกเถราปทาน

๔๙. อรรถกถาจังกมนทายกเถราปทาน

อปทานของท่านพระจังกมนทายถเถระ มีคำเริ่มต้นว่า สิทฺธตฺถสฺส มุนิโน ดังนี้.

พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาล แห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่า อัตถทัสสี บังเกิดในเรือนมีตระกูล แห่งหนึ่ง บรรลุนิติภาวะแล้ว เลื่อมใสในพระศาสดา ได้สร้างที่จงกรม อันงดงามเสมือนกับกองแห่งเงิน ฉาบด้วยปูนขาวอันเป็นที่สูง แล้วลาด ทรายขาวเช่นกับสร้อยไข่มุก ได้ถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับแล้ว ก็แลครั้นทรงรับที่จงกรมแล้ว ทรงเข้าสมาธิ อันสำเร็จทางกายและจิตอันเป็นสุข. แล้วทรงพยากรณ์ว่า ในอนาคต ผู้นี้ จักได้เป็นสาวกในพระศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่า โคตมะ. ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เสวยสมบัติทั้งสองในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง เจริญวัยแล้ว เพียบพร้อมด้วยศรัทธา บวชในศาสนา ไม่นานนักก็บรรลุ พระอรหัต ท่านได้ปรากฏโดยนามแห่งบุญที่ท่านบำเพ็ญมาว่า จังกมนทายกเถระ ดังนี้.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 196

วันหนึ่ง ท่านระลึกถึงบุญกรรมที่ตนเคยบำเพ็ญ ในกาลก่อน เกิด โสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า อตฺถทสสิสฺส มุนิโน ดังนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อตฺถทสฺสิสฺส ความว่า ชื่อว่า อัตถทัสสี เพราะเห็นประโยชน์ คือความเจริญงดงาม ได้แก่พระนิพพาน, อีกอย่างหนึ่งชื่อว่าอัตถทัสสี เพราะมีปกติรู้เห็นประโยชน์คือพระนิพพาน. เชื่อมความว่า ข้าพเจ้าได้สร้างที่จงกรมอันน่ารื่นรมย์ใจ เป็นที่หลีกเร้น เป็นที่เจริญภาวนาพึงกระทำไว้ในใจ ถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้มีปกติ เห็นประโยชน์นั้น ผู้เป็นมุนี คือผู้ประกอบด้วยญาณคือโมนะเครื่องเป็น ผู้นิ่ง. คำที่เหลือมีอรรถรู้ได้ง่ายทั้งนั้น ตามกระแสแห่งนัยที่กล่าวแล้ว นั้นแล.

จบอรรถกถาจังกมนทายกเถราปทาน