พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

อาโปปุปผิยเถราปทานที่ ๒ (๖๒) ว่าด้วยผลแห่งการโปรยดอกไม้บูชา

 
บ้านธัมมะ
วันที่  27 พ.ย. 2564
หมายเลข  41052
อ่าน  330

[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 244

เถราปทาน

สกจิตตนิยวรรคที่ ๗

อาโปปุปผิยเถราปทานที่ ๒ (๖๒)

ว่าด้วยผลแห่งการโปรยดอกไม้บูชา


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 244

อาโปปุปผิยเถราปทานที่ ๒ (๖๒) (๑)

ว่าด้วยผลแห่งการโปรยดอกไม้บูชา

[๖๔] พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสิขี เสด็จออกจากวิหาร แล้วขึ้นไปในที่จงกรม ทรงประกาศสัจจะ ๔ ทรงแสดง อมฤตบท ณ ที่จงกรมนั้น.

ข้าพระองค์รู้ (ได้ฟัง) พระสุรเสียงของพระพุทธเจ้า ผู้ ประเสริฐสุด พระนามว่าสิขี ผู้คงที่แล้ว จับดอกไม้ต่างๆ โยนขึ้นไปในอากาศ.

ข้าแด่พระองค์ผู้เป็นจอมสัตว์ เชษฐบุรุษของโลก ผู้นราสภ ด้วยกรรมนั้น ข้าพระองค์ผู้ละความชนะและแพ้แล้ว ได้ บรรลุถึงฐานะอันไม่ไหวหวั่น.

ในกัปที่ ๓๑ แต่กัปนี้ ข้าพระองค์โปรยดอกไม้ใด ด้วย กรรมนั้น ข้าพระองค์ไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชา ด้วยดอกไม้ ในกัปที่ ๒๐ แต่กัปนี้ ได้เป็นกษัตริย์พระนามว่า สุเมธะ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ ๗ ประการ ทรงมีพละมาก.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ ข้าพระองค์ทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพระองค์ได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระอาโปปุปผิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านั้น ด้วยประการ ฉะนี้แล.

จบอาโปปุปผิยเถราปทาน


๑. อรรถกถาว่า อโวปุปผิยเถราปทาน.

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 245

๖๒. อรรถกถาอโวปุปผิยเถราปทาน (๑)

อปทานของท่านพระอโวปุปผิยเถระ มีคำเริ่มต้นว่า วิหารา อภินิกฺ- ขมฺม ดังนี้.

พระเถระแม้นี้ ผู้ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าพระองค์ ก่อนๆ สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสิขี บังเกิดในเรือนมีตระกูล บรรลุเดียงสา แล้วเพียบพร้อมด้วยศรัทธา ฟังพระธรรมเกิดความเลื่อมใส ถือเอาดอกไม้ ต่างๆ ด้วยมือทั้งสอง เกลี่ยไว้เบื้องบนพระพุทธเจ้า.

ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เสวยสวรรค์สมบัติและจักรพรรดิสมบัติ อันเขาบูชาในที่ทุกสถาน ใน พุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง เจริญวัยแล้วเลื่อมใส ในพระศาสนา บวชแล้วไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์. ชื่อว่า อากาศ เพราะอรรถว่า ว่างเปล่าคือโล่งแจ้งไปโดยรอบ. เพราะท่านได้โปรยดอกไม้ บนอากาศนั้น ท่านจึงปรากฏนามว่า อโวปุปผิยเถระ ดังนี้.

ท่านบรรลุสันติบทอย่างนี้แล้ว ระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิด โสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า วิหารอภินิกฺขมฺม ดังนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วิหารา ความว่า ชื่อว่า วิหาร เพราะ เป็นที่นำมาโดยพิเศษ คือเป็นที่นำมา ได้แก่ยังอัตภาพอันไม่ตกไปให้ เป็นไปด้วยอิริยาบถ ๔ ในวิหารนั้น. ออกจากวิหารนั้นโดยพิเศษยิ่ง. บทว่า อพฺภุฏาสิ จ จงฺกเม ความว่า ได้ยืน คือขึ้นไปในที่จงกรม เพื่อจะจงกรม โดยพิเศษ. บทว่า จตุสจฺจํ ปกาเสนฺโต เชื่อมความว่า เมื่อกำลังจงกรม


๑. บาลี อาโปปุปผิยเถรปาทาน.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 246

ในที่จงกรมนั้นทรงประกาศสัจจะ๔ กล่าวคือทุกขสัจจะ สมุทยสัจจะ นิโรธสัจจะ และมรรคสัจจะ ทำให้ปรากฏ ได้แก่ แสดง จำแนก กระทำให้ตื้น ซึ่งอมตบท คือพระนิพพาน. บทว่า สิขิสฺส คิรมญฺาย พุทฺธเสฏสฺส ตาทิโน ความว่า รู้คือทราบคำที่พึงเปล่ง คือเสียงประกาศของพระ. พุทธเจ้าพระนามว่าสิขี ผู้ประเสริฐคือผู้ประกอบด้วยคุณ คือคงที่. บทว่า นานาปุปฺผํ คเหตฺวา ความว่า ถือเอาดอกไม้หลายอย่าง มีดอกบุนนาค อันประเสริฐเป็นต้น. บทว่า อากาสมฺหิ สโมกิรึ ความว่า ข้าพเจ้าได้ โปรยดอกไม้บูชาในอากาศ เหนือพระเศียรพระผู้พระภาคเจ้าผู้จงกรมอยู่.

บทว่า เตน กมฺเมน ทฺวิปทินฺท ความว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอม คือเป็นประธานแห่งสัตว์ ๒ เท้า คือเทวดาพรหมและมนุษย์ ข้าแต่ พระองค์ผู้องอาจกว่านระ คือผู้ประเสริฐกว่านระ. บทว่า ปตโตมฺหิ อจลํ านํ ความว่า ข้าพระองค์บวชในสำนักพระองค์ บรรลุฐานะอันไม่ หวั่นไหว คือพระนิพพาน. บทว่า หิตฺวา ชยปราชยํ ความว่า ข้าพระองค์ละคือทิ้งชัยชนะ กล่าวคือทิพยสมบัติและมนุษยสมบัติ และความ ปราชัยกล่าวคือทุกข์ในอบาย ๔ บรรลุนิพพาน. คำที่เหลือมีอรรถรู้ได้ ง่ายทั้งนั้นแล.

จบอรรถกถาอโวปุปผิยเถราปทาน