พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

ปัจจาคมนิยเถราปทานที่ ๓ (๖๓) ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกสาหร่าย

 
บ้านธัมมะ
วันที่  27 พ.ย. 2564
หมายเลข  41053
อ่าน  309

[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 247

เถราปทาน

สกจิตตนิยวรรคที่ ๗

ปัจจาคมนิยเถราปทานที่ ๓ (๖๓)

ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกสาหร่าย


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 247

ปัจจาคมนิยเถราปทานที่ ๓ (๖๓)

ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกสาหร่าย

[๖๕] ในกาลนั้น เราเป็นนกจักรพรากอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำสินธุ เรามี สาหร่ายล้วนๆ เป็นภักษา และสำรวมดีในสัตว์ทั้งหลาย เรา ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีเสด็จไปในอากาศ จึงเอา จะงอยปากดาบดอกสาหร่าย บูชาแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่าวิปัสสี.

ผู้ใดตั้งศรัทธาอันไม่หวั่นไหวไว้ด้วยดี ในพระตถาคตด้วย จิตอันเลื่อมใสนั้น ผู้นั้นจะไม่ไปสู่ทุคติ การที่เราได้มาใน สำนักพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเป็นการมาดีหนอ เราเป็นนก จักรพรากได้ปลูกพืชไว้ดีแล้ว. ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ เราบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วย ดอกไม้ใด ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่ง พุทธบูชา ในกัปที่ ๑๗ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ครั้ง ทรง มีพละมาก ทรงพระนามเดียวกันว่า สุจารุทัสสนะ.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ที่พระปัจจาคมนิเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.

จบปัจจาคมนิยเถราปทาน

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 248

๖๓. อรรถกถาปัจจาคมนิยเถราปทาน

อปทานของท่านพระปัจจาคมนิยเถระ มีคำเริ่มต้นว่า สินฺธยา นทิยา ตีเร ดังนี้.

พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี บังเกิดในกำเนิดแห่งนกจักรพราก ใกล้ฝั่งแม่น้ำสินธุคงคา ไม่กินสัตว์มีชีวิต เพราะตนประกอบด้วยบุญ สมภารในกาลก่อน กินแต่สาหร่ายเท่านั้นเที่ยวไป. สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี เมื่อทรงกระทำอนุเคราะห์แก่สัตว์ ได้เสด็จไปในที่นั้น. ขณะนั้น นกจักรพรากนั้น เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า รุ่งเรืองอยู่ มีใจเลื่อมใส เด็ดดอกสาหร่ายจากต้นสาหร่ายมาบูชา ด้วย ความเลื่อมใสแห่งจิตนั้นเอง ท่านจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว เกิดในเทวโลก เสวยสมบัติในฉกามาวจรสวรรค์ไปๆ มาๆ จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว เกิดใน มนุษยโลก เสวยสมบัติมีจักรพรรดิสมบัติเป็นต้น ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง บรรลุนิติภาวะแล้ว เลื่อมใสในพระศาสดา บวชแล้ว ไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์. ท่านปรากฏโดยนามแห่งบุญใน กาลก่อนว่า ปัจจาคมนิยเถระ เพราะเหตุที่คนเป็นนกจักรพราก เห็น พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ไปในที่บางแห่งก็นำดอกไม้มาบูชา.

ท่านระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า สินฺธุยา นทิยา ตีเร ความว่า ชื่อว่า สินธุ เพราะกระทำเสียงว่า สิ ให้เคลื่อนไหวอยู่ ให้หวั่นไหวอยู่. ชื่อว่า นทิ เพราะกระทำเสียงให้บันลือไป. บทว่า จกฺกวาโก อหํ ตทา ความว่า

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 249

ชื่อว่า จักกวากะ เพราะแล่นไป คือไปในน้ำ บนบก หรือบินไปในอากาศ เร็วเหมือนนกจักรพรากไปได้เร็วฉะนั้น. อธิบายว่า ในกาลนั้น คือในกาล ที่ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี เราได้เป็นนกจักรพราก. บทว่า สุทฺธเสวาลภกฺโขหํ ความว่า ข้าพระองค์เคี้ยวกินเฉพาะสาหร่าย ที่บริสุทธิ์ เพราะไม่เจือด้วยอาหารอื่นอยู่. บทว่า ปาเปสุ จ สุสญฺโต ข้าพระองค์เป็นผู้สำรวมด้วยดี คือสำรวมศึกษาด้วยดีในการทำบาป ด้วย อำนาจวาสนาในกาลก่อน.

บทว่า อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ ความว่า ข้าพระองค์ได้เห็น คือได้เฝ้า พระพุทธเจ้า ผู้ไม่มีธุลี คือไม่มีกิเลส เพราะเว้นจาก ราคะ โทสะ โมหะ. บทว่า คจฺฉนฺตํ อนิลญฺชเส ความว่า ซึ่งพระพุทธเจ้าผู้เสด็จไปอยู่บนทาง แห่งอากาศอันไม่มีร่องรอย. อธิบายว่า ข้าพระองค์ได้ประคอง คือคาบ เอาดอกสาหร่ายด้วยปากของข้าพระองค์ ได้ปลูกความยินดียิ่งต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี คือได้บูชาแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. คำที่เหลือ มีอรรถรู้ได้ง่ายทั้งนั้นแล.

จบอรรถกถาปัจจาคมนิยเถราปทาน