พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

วัตถทายกเถราปทานที่ ๗ (๖๗) ว่าด้วยผลแห่งการถวายผ้าผืนหนึ่ง

 
บ้านธัมมะ
วันที่  27 พ.ย. 2564
หมายเลข  41057
อ่าน  308

[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 260

เถราปทาน

สกจิตตนิยวรรคที่ ๗

วัตถทายกเถราปทานที่ ๗ (๖๗)

ว่าด้วยผลแห่งการถวายผ้าผืนหนึ่ง


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 260

วัตถทายกเถราปทานที่ ๗ (๖๗)

ว่าด้วยผลแห่งการถวายผ้าผืนหนึ่ง

[๖๙] ในกาลนั้นเราเกิดเป็นพระยาครุฑสุบรรณ เราได้เห็น พระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี เสด็จไปสู่เขาคันธมาทน์

เราละเพศนกครุฑแล้วแปลงเป็นมาณพ เราถวายผ้าผืน หนึ่งแด่พระพุทธเจ้าผู้คงที่.

พระพุทธเจ้าผู้ศาสดาอัครนายกของโลก ทรงรับผ้าผืนนั้น แล้ว ประทับยืนอยู่ในอากาศได้ตรัสพระคาถานี้ว่า

ด้วยการถวายผ้านี้และด้วยการตั้งจิตไว้ (ดี) ผู้นี้กำเนิด นกครุฑแล้ว จักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลก ก็พระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่าอัตถทัสสี เชษฐบุรุษของโลก ผู้นราสภ ทรง สรรเสริญการถวายผ้าเป็นทานแล้ว บ่ายพระพักตร์ทางทิศ อุดรเสด็จไป.

ในภพที่เราเกิด เรามีผ้าสมบูรณ์ ผ้าเป็นหลังคาบังร่มอยู่ ในอากาศ นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้า.

ในกัปที่ ๓๖ แค่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ครั้ง มีพระนามว่าอรุณสะ มีพละมาก เป็นใหญ่กว่ามนุษย์.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 261

ทราบว่า ท่านพระวัตถุทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.

จบวัตถทายกเถราปทาน

๖๗. อรรถกถาวัตถทายกเถราปทาน

อปทานของท่านพระวัตถทายกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปกฺขิชาโต ตทา อสึ ดังนี้.

พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า อัตถทัสสี บังเกิดในกำเนิดแห่งสุบรรณ (ครุฑ) เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าอัตถทัสสี กำลังเสด็จไปสู่ ภูเขาคันธมาทน์ มีใจเลื่อมใส ละเพศสุบรรณ นิมิตเป็นเพศมาณพน้อย ถือ เอาผ้าทิพย์มีค่ามาก บูชาพระผู้มีพระภาคเจ้า ฝ่ายพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงรับแล้วตรัสอนุโมทนาแล้วเสด็จหลีกไป. ท่านให้กาลล่วงไปด้วย โสมนัสนั่นเอง ดำรงอยู่จนตลอดอายุ จุติจากอัตภาพนั้น แล้วบังเกิดใน เทวโลก ท่องเที่ยวไปๆ มาๆ ในเทวโลกนั้น เสวยบุญทั้งหลาย จากนั้น เสวยมนุษยสมบัติในมนุษย์ จากอัตภาพที่ตนเกิดนั้น ได้ผ้าและเครื่อง อาภรณ์มีค่ามากในที่ทั้งปวงด้วยประการฉะนี้ แล้วอยู่ในที่ๆ ตนไปถึงแล้ว ด้วยเงาผ้าในภพที่คนเกิดแล้วๆ ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือน มีตระกูลแห่งหนึ่ง บรรลุนิติภาวะแล้ว เลื่อมใสในพระศาสดา บวชแล้ว ไม่นานนักก็ได้บรรลุอภิญญา ๖ เป็นพระขีณาสพ.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 262

ท่านระลึกถึงบุพกรรมของคน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า ปกฺขิชาโต ตทา อาสึ ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปกฺขิชาโต ความว่า ชื่อว่า ปักขะ (ปีก) เพราะเป็นเครื่องแล่นไป คือบินไปแห่งนก. ชื่อว่า ปักขี เพราะนกนั้นมีปีก อธิบายว่า เกิดคือบังเกิดในกำเนิดแห่งนก. บทว่า สุปณฺโณ ความว่า ปีกของนกในดี นกนั้นชื่อว่า มีปีกดี. อธิบายว่า นกนั้นมีปีกอันรุ่งเรือง ด้วยสีทองสำหรับรับลมเป็นภาระใหญ่. บทว่า ครุฬาธิโป ความว่า ชื่อว่าครุฬะ (ครุฑ-สัตว์ผู้จับงู) เพราะกลืนกินซึ่งแผ่นหินอันหนักเพื่อ ต้องจับนาค, ชื่อว่า ครุฬาธิโป เพราะเป็นราชาธิบดีแห่งครุฑทั้งหลาย. เชื่อมความว่า เราได้เห็นท่านผู้ปราศจากธุลี คือพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.

จบอรรถกถาวัตทายกเถราปทาน