สุมนเถราปทานที่ ๙ (๖๙) ว่าด้วยผลแห่งการถวายดอกมะลิ
[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 266
เถราปทาน
สกจิตตนิยวรรคที่ ๗
สุมนเถราปทานที่ ๙ (๖๙)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายดอกมะลิ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 266
สุมนเถราปทานที่ ๙ (๖๙)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายดอกมะลิ
[๗๑] ในกาลนั้น เราเป็นนายมาลาการมีชื่อว่าสุมนะ ได้ เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี ทรงสมควรรับเครื่องบูชาของ โลก จึงเอามือทั้งสองประคองดอกมะลิที่บานดี บูชาแด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก.
ด้วยการบูชาดอกไม้นี้ และด้วยการตั้งจิตไว้ เราไม่รู้จัก ทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา.
ในกัปที่ ๓๑ แต่กัปนี้ เราบูชาพระพุทธเจ้าด้วยดอกไม้ใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา.
ในกัปที่ ๒๖ แต่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ครั้ง ผู้มีพระยศมาก ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราได้ทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสุมนเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้ แล.
จบสุมนเถราปทาน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 267
๖๙. อรรถกถาสุมนเถราปทาน
อปทานของท่านพระสุมนเถระ มีคำเริ่มต้นว่า สุมโน นาม นาเมน ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญโพธิสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า สิขี บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งนายมาลาการ เจริญวัยแล้วเกิดศรัทธา มีใจเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า ถือ เอากำดอกมะลิบูชาด้วยมือทั้งสอง ด้วยบุญกรรมนั้นท่านเสวยสมบัติทั้งสอง ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือนมี ตระกูล เจริญด้วยบุตรและภรรยา ท่านปรากฏโดยชื่อว่าสุมนะ เลื่อมใส ในพระศาสดาบวชแล้ว ไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์.
ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว ระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า สุมโน นาม นาเมน ดังนี้. ใจคือจิตของผู้ใดดี ผู้นั้นชื่อว่ามีใจดี ในกาลนั้นเราประกอบ ด้วยศรัทธาความเลื่อมใสและนับถือมาก ได้เป็นนายมาลาการโดยมีชื่อว่า สุมนะ.
บทว่า สิขิโน โลกพนฺธุโน ความว่า ชื่อว่า สิขี มีเปลวไฟสว่าง เพราะเปลวไฟที่โพลงแล้วย่อมมีสว่าง สิขีนั้นคืออะไร คือเปลวไฟ. ที่ชื่อ ว่า สิขี เพราะส่องแสงดุจเปลวไฟ เปลวไฟย่อมไหม้ใบไม้ หญ้า ไม้ และ ฟางเป็นต้น ฉันใด พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้นี้ ก็ฉันนั้น ย่อมโชติช่วงด้วย รัศมีมีสีเขียวและสีเหลืองเป็นต้น ปรากฏในโลกสันนิวาสทั้งสิ้น. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้นามบัญญัติ นามกรรม นามไธยเพราะอรรถว่า ทำกิเลส
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 268
ทั้งปวงอันตกอยู่ในสันดานคนให้เหือดแห้ง กำจัดเผาให้ไหม้เสีย. บทว่า สกลโลกสฺส พนฺธุาตโก ได้แก่ เป็นเผ่าพันธุ์แห่งโลก อธิบายว่า เราได้ยกดอกมะลิขึ้นบูชาพระภาคเจ้า ผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งโลก พระนามว่า สิขี นั้น.
จบอรรถกถาสุมนเถราปทาน