พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

นฬมาลิยเถราปทานที่ ๗ (๑๐๗) ว่าด้วยผลแห่งการถวายพัดดอกอ้อ

 
บ้านธัมมะ
วันที่  27 พ.ย. 2564
หมายเลข  41100
อ่าน  387

[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 368

เถราปทาน

ภิกขทายิวรรคที่ ๑๑

นฬมาลิยเถราปทานที่ ๗ (๑๐๗)

ว่าด้วยผลแห่งการถวายพัดดอกอ้อ


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 368

นฬมาลิยเถราปทานที่ ๗ (๑๐๗)

ว่าด้วยผลแห่งการถวายพัดดอกอ้อ

[๑๐๙] เมื่อพระพุทธเจ้าพระนานว่าปทุมุตตระ เชษฐบุรุษของโลก ผู้คงที่ สงบระงับ มั่นคง ประทับนั่งบนเครื่องลาดหญ้า.

เราเอาดอกอ้อมาผูกเป็นพัด แล้วน้อมถวายแด่พระพุทธเจ้าผู้เป็นจอมสัตว์ ผู้คงที่.

พระสัพพัญญูผู้นายกของโลก ทรงรับพัดแล้ว ทรงทราบ ความดำริของเรา ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า

กายของเรา ดับ (ร้อน) แล้ว ความเร่าร้อนไม่มี ฉันใด จิตของท่านจงหลุดพ้นจากกองไฟ ๓ กอง ฉันนั้น.

เทวดาบางเหล่าที่อาศัยต้นไม้อยู่ มาประชุมกันทั้งหมด ด้วยหวังว่าจักได้ฟังพระพุทธพจน์อันยังทายกให้ยินดี.

พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่ง ณ ที่นั้น แวดล้อมด้วยหมู่ เทวดา เมื่อจะทรงยังทายกให้รื่นเริง จึงได้ตรัสพระคาถา เหล่านี้ว่า

ด้วยการถวายพัดนี้ และด้วยการตั้งจิตไว้ ผู้นี้จักได้เป็น พระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามชื่อว่าสุพพตะ ด้วยกรรมที่เหลือ นั้น อันกุศลมูลตักเตือนแล้ว จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีพระนามว่ามาลุตะ.

ด้วยการถวายพัดนี้ และด้วยการนับถืออันไพบูลย์ ผู้นี้จะ ไม่เข้าถึงทุคติในแสนกัป ในกัปที่ ๓ หมื่นจักเป็นพระเจ้าจักร-

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 369

พรรดิ ๓๘ ครั้ง มีพระนามว่าสุพพตะ ใน ๒๙,๐๐๐กัป จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ครั้ง มีพระนามว่ามาลุตะ.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระนฬมาลิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.

จบนฬมาลิยเถราปทาน

จบภารวารที่ ๗

๑๐๗. อรรถกถานฬมาลิยเถราปทาน

อปทานของท่านพระนฬมาลิยเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตตรพุทฺธสฺส ดังนี้.

พระเถระแม้นั้น ได้บำเพ็ญกุศลสมภารในพระชินเจ้าผู้ประเสริฐ องค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในชาติเป็น อเนก ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ บังเกิด ในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง เจริญวัยแล้วอยู่ครองเรือน เห็นโทษในกาม ละเรือนบวชเป็นดาบสอยู่ในป่าหิมวันต์ เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ตถาคต ก็เลื่อมใส ลาดเครื่องลาดหญ้า กระทำพัดวิชนีด้วยดอกไม้อ้อพัดถวาย พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ประทับนั่งอยู่ ณ ที่นั้น. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับ แล้ว ได้กระทำอนุโมทนา เพื่อทรงอนุเคราะห์แก่ท่าน. ด้วยบุญกรรม

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 370

นั้น ท่านท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ละเว้นความกระวน กระวายและความเร่าร้อนในภพที่ตนเกิดแล้วๆ ได้รับความสุขทางกาย และทางจิต เสวยสุขเป็นอเนก ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือน มีตระกูลแห่งหนึ่ง เจริญวัยแล้ว เลื่อมใสในพระศาสดาด้วยกำลังแห่ง วาสนาในกาลก่อน บวชแล้วไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์.

ครั้นภายหลัง ท่านระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะ ประกาศปุพพจริตาปทาน จงกล่าวคำมีอาทิว่า ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส ดังนี้. คำนั้นท่านกล่าวไว้ในหนหลังนั่นแล้ว.

บทว่า นฬะ ในบทว่า นฬมาลํ คเหตฺวาน เชื่อมความว่า ชื่อว่า นฬะ เพราะไม่มีแก่นเป็นไม้น้อยเบาพร้อมกว่าลำไม้ไผ่ ระเบียบคือดอก แห่งไม้อ้อ ชื่อว่า นฬมาละ เราได้สร้างพัดวิชนีด้วยระเบียบไม้อ้อนั้น. ชื่อว่า วิชนี เพราะเป็นเครื่องพัดให้เกิดลม. เราได้น้อมนำพัดวิชนีนั้นเข้า ไปถวายพระพุทธเจ้าแล้ว. คำที่เหลือในบททั้งปวงมีอรรถง่ายทั้งนั้นแล.

จบอรรถกถานฬมาลิยเถราปทาน

จบอรรถกถาภาณวารที่ ๗