มหาปริวารเถราปทานที่ ๑ (๑๑๑) ว่าด้วยผลแห่งการถวายผ้าทิพย์
[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 379
เถราปทาน
มหาปริวารวรรคที่ ๑๒
มหาปริวารเถราปทานที่ ๑ (๑๑๑)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายผ้าทิพย์
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 379
มหาปริวารวรรคที่ ๑๒
มหาปริวารเถราปทานที่ ๑ (๑๑๑)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายผ้าทิพย์
[๑๑๓] ในกาลนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี เชษฐ- บุรุษของโลก เป็นนระผู้องอาจ กับภิกษุสงฆ์ ๖๘,๐๐๐ เสด็จ เข้าไปสู่พันธุมวิหาร.
เราออกจากนครแล้ว ได้ไปที่ทีปเจดีย์ ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี สมควรรับเครื่องบูชา.
พวกยักษ์ในสำนักของเรา มีประมาณ ๘๔,๐๐๐ บำรุงเรา โดยเคารพ ดังหมู่เทวดาชาวไตรทศบำรุงพระอินทร์โดยเคารพ ฉะนั้น.
เวลานั้น เราถือผ้าทิพย์ออกจากที่อยู่ ไปถวายอภิวาท ด้วยเศียรเกล้า และได้ถวายผ้าทิพย์นั้น แด่พระพุทธเจ้า.
โอ พระพุทธเจ้า โอ พระธรรม โอ พวกเราถึงพร้อมด้วย พระศาสดาหนอ แผ่นดินนี้หวั่นไหวแล้ว ด้วยอานุภาพแห่ง พระพุทธเจ้า.
เราเห็นความอัศจรรย์อันไม่เคยมี ขนพองสยองเกล้านั้น แล้ว จึงยังจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าผู้เป็นจอมสัตว์ ผู้ คงที่.
เรานั้นครั้นยังจิตให้เลื่อมใส และถวายผ้าทิพย์แด่พระศาสดาแล้ว พร้อมทั้งอำมาตย์และบริวารชน ยอมนับถือ พระพุทธเจ้าเป็นสรณะ.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 380
ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วย กรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา.
ในกัปที่ ๑๕ แต่กัปนี้ได้เห็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ครั้ง มี พระนามว่าวาหนะ ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มี พละมาก.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราได้ทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระมหาปริวารเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย ประการฉะนี้.
จบมหาปริวารเถราปทาน
มหาปริวารวรรคที่ ๑๒
๑๑๑. อรรถกถามหาปริวารกเถราปทาน (๑)
อปทานของท่านพระมหาปริวารกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า วิปสฺสี นาม ภควา ดังนี้.
แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้ว ในพระพุทธเจ้า พระองค์ก่อนๆ ทุกๆ ภพนั้นจะสร้างสมอุปนิสัยแห่งพระนิพพานเป็น
๑. บาลีเป็น มหาปริวารเถราปทาน.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 381
ประจำเสมอ ในเวลาที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี บังเกิด ขึ้น ท่านได้เกิดในกำเนิดยักษ์ มียักษ์จำนวนหลายแสนเป็นบริวาร เสวย ทิพยสุขอยู่ ณ เกาะเล็กๆ แห่งหนึ่ง. ก็แลที่เกาะนั้น มีวิหารอันประดับ ประดางดงามด้วยพระเจดีย์อยู่หลังหนึ่ง. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จไปที่ วิหารนั้น. ครั้งนั้นแล หัวหน้ายักษ์มองเห็นว่าพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เสด็จไปที่วิหารนั้น จึงถือผ้าทิพย์หลายผืน ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้ว บูชาด้วยผ้าทิพย์ทั้งหลาย ยักษ์พร้อมด้วยบริวารได้ถึงพระพุทธเจ้า เป็นสรณะแล้ว. ด้วยบุญกรรมนั้น เขาพร้อมด้วยบริวารจุติจากที่นั้นแล้ว ได้ไปบังเกิดในเทวโลกบ้าง มนุษยโลกบ้าง เสวยความสุขอันมีใน กามาวจร ๖ ชั้น ในกาลต่อมา คือในพุทธุปบาทกาลนี้ เขาเกิดในเรือน ที่มีสกุล พอบรรลุนิติภาวะแล้ว เลื่อมใสในพระศาสดาจึงบวช ไม่นาน เท่าไรนักก็ได้เป็นพระอรหันต์.
ในกาลต่อมา ท่านได้ระลึกถึงบุพกรรมของตนเองแล้ว บังเกิด ความโสมนัส เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วใน กาลก่อน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า วิปสฺสี นาม ภควา ดังนี้. ในคำเริ่มต้น นั้น มีอรรถาธิบายว่า ชื่อว่า วิปัสสี เพราะอรรถว่า ย่อมเห็นพระปรมัตถธรรมอย่างพิเศษ คือพระนิพพาน. อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่า วิปัสสี เพราะอรรถว่า ย่อมเห็นโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ มีสติปัฏฐาน เป็นต้น ทุกอย่างได้ชัดเจน. อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่า วิปัสสี เพราะอรรถว่า ย่อมเห็นสัตว์ที่ควรเพื่อการตรัสรู้มีประการต่างๆ มากมาย แยกเป็น