สุทัสสนเถราปทานที่ ๒ (๑๓๒) ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกการะเกด
[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 451
เถราปทาน
โสภิตวรรคที่ ๑๔
สุทัสสนเถราปทานที่ ๒ (๑๓๒)
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกการะเกด
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 451
สุทัสสนเถราปทานที่ ๒ (๑๓๒)
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกการะเกด
[๑๓๔] ไม้การะเกดกำลังมีดอก มีอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำกว้าง ข้าพระองค์แสวงหาต้นการะเกดนั้นอยู่ ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้นำของโลก.
ในกาลนั้น ข้าพระองค์เห็นการะเกดมีดอกบาน จึงตัดที่ขั้ว แล้วบูชาแด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของ โลก.
ข้าแต่พระมหามุนีพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ พระองค์ทรงบรรลุ อมตบทอันไม่เคลื่อนด้วยพระญาณใด ข้าพระองค์บูชาพระณาณนั้น ข้าพระองค์ทำการบูชาพระญาณแล้ว ได้เห็น ดอกการะเกด ข้าพระองค์เป็นผู้ได้สัญญานั้น นี้เป็นผลแห่ง การบูชาพระญาณ.
ในกัปที่ ๓๑ แต่กัปนี้ ข้าพระองค์บูชาพระพุทธญาณด้วย ไม้ใด ด้วยการบูชานั้น ข้าพระองค์ไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็น ผลแห่งการบูชาพระญาณ.
ในกัปที่ ๓๑ แต่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๒ ครั้ง ทรงพระนามว่าพลุคคตะ ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพละมาก.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ฉะนี้แล.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 452
ทราบว่า ท่านพระสุทัสสนเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.
จบสุทัสสนเถราปทา
๑๓๒. อรรถกถาสุทัสสนเถราปทาน
อปทานของท่านพระสุทัสสนเถระ มีคำเริ่มต้นว่า วิตฺถตาย นทีตีเร ดังนี้.
แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้ว ในพระชินวรพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ได้สั่งสมบุญไว้ในทุกๆ ภพนั้น ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า สิขี ท่านได้เกิดในเรือนอันมีตระกูล เจริญวัยแล้ว ดำรงอยู่ในเพศฆราวาส (วันหนึ่ง) กำลังเดินหาต้นการะเกด ที่มีดอกบาน ใกล้กับฝั่งแม่น้ำชื่อวิตถตะ (แม่น้ำกว้าง) เผอิญได้พบ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สิขี ผู้งดงามเปรียบปานกองไฟที่กำลัง ลุกโพลง ประทับนั่งใกล้ฝั่งแห่งแม่น้ำนั้น มีใจเลื่อมใส เด็ดดอกการะเกด พร้อมทั้งขั้วมาแล้ว เมื่อจะบูชาจึงกราบทูลอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า ทรงมีอานุภาพมากถึงอย่างนี้ มีด้วย พระญาณใด, ข้าพระองค์ขอบูชาซึ่งพระญาณนั้น. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงกระทำอนุโมทนาแล้ว ด้วยบุญอันนั้น เขาได้บังเกิด ในเทวโลกและมนุษยโลก ได้เสวยสมบัติทั้งสองจนครบถ้วนแล้ว ใน พุทธุปบาทกาลนี้ ได้บังเกิดในเรือนอันมีตระกูลแห่งหนึ่ง เลื่อมใสใน พระศาสดา บวชแล้วไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 453
ท่านระลึกถึงกุศลกรรมที่ได้กระทำไว้ของตนแล้ว เกิดความโสมนัส เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน จึงกล่าว คำเริ่มต้นว่า วิตฺถตาย นทีตีเร ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วิตฺถตาย มีวิเคราะห์ว่า ชื่อว่า วิตฺถตา เพราะเป็นแม่น้ำที่แผ่ขยายกว้าง ออกไป. ชื่อว่า นที เพราะเปล่งเสียง ส่งเสียงหลั่งไหลไปแล้ว. ชื่อว่า ตีรํ เพราะคนที่จะข้ามแม่น้ำ ถึงที่นั้นก่อนแล้ว จึงจะชื่อว่าข้ามไปได้, อธิบายว่า ใกล้ฝั่งแม่น้ำที่กว้างนั้น. บทว่า เกตกึ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา มีวิเคราะห์ว่า ชื่อว่า เกตํ เพราะมีหนามที่จะทิ่มแทงมือของผู้จะเด็ด ทั้งหลาย โดยอาการอันน่าเกลียด, เชื่อมความว่า เห็นดอกการะเกดของ ต้นการะเกดนั้นแล้ว จึงเด็ดไปทั้งขั้ว.
บทว่า สิขิโน โลกพนฺธุโน มีวิเคราะห์ว่า ไฟท่านเรียกว่าสิขี. หมู่รัศมีมีพรรณ ๖ ประการ ต่างชนิดมีสีเขียวและเหลืองเป็นต้นเช่นกับไฟ เปล่งปลั่งโชติช่วง มีอยู่แก่ผู้ใด ผู้นั้นคือพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า สิขี พระองค์เป็นโลกพันธุ์ เพราะเป็นเผ่าพันธุ์เป็นญาติของชาวโลก คือของ โลก ๓ ทั้งหมด. เชื่อมความว่า เราเด็ดดอกการะเกดพร้อมทั้งขั้วมาบูชา พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสิขี ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของชาวโลกพระองค์นั้น แล้ว. คำที่เหลือมีเนื้อความง่ายทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาสุทัสสนเถราปทาน