พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

สุปาริจริยเถราปทานที่ ๑ (๑๖๑) ว่าด้วยผลแห่งการบํารุงพระศาสนา

 
บ้านธัมมะ
วันที่  28 พ.ย. 2564
หมายเลข  41154
อ่าน  302

[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 535

เถราปทาน

สุปาริจริยวรรคที่ ๑๗

สุปาริจริยเถราปทานที่ ๑ (๑๖๑)

ว่าด้วยผลแห่งการบํารุงพระศาสนา


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 535

สุปาริจริยวรรคที่ ๑๗

สุปาริจริยเถราปทานที่ ๑ (๑๖๑)

ว่าด้วยผลแห่งการบำรุงพระศาสนา

[๑๖๓] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นจอมสัตว์ ประเสริฐกว่านระ มีพระนามว่าปทุม (ปทุมุตตระ) ผู้มีพระจักษุ เสด็จออกจาก ป่าใหญ่แล้วทรงแสดงธรรมอยู่.

ในขณะนั้น ได้มีการประชุมแห่งเทวดาทั้งหลาย ในที่ ไม่ไกลพระผู้มีพระภาคเจ้า เทวดาทั้งหลายมาประชุมกันด้วย กิจบางอย่าง ได้เห็นอย่างแจ้งชัด.

เราได้ทราบ (ได้ยิน) พระสุรเสียงที่ทรงแสดงอมฤตธรรม ของพระพุทธเจ้า มีจิตเลื่อมใสโสมนัส ปรบมือแล้วเข้าไป บำรุง.

เราเห็นผลแห่งการบำรุงพระศาสดาที่ประพฤติด้วยดี ใน ๓๐,๐๐๐ กัป เราไม่เข้าถึงทุคติเลย.

ในกัปที่ ๒๙,๙๙๙ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีนามว่า สมลังกตะ ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพละมาก.

คุณสมบัติเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 536

ทราบว่า ท่านพระสุปาริจริยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.

จบสุปาริจริยเถราปทาน

อรรถกถาสุปาริจริยวรรคที่ ๑๗

๑๖๑. อรรถกถาสุปาริจริยเถราปทาน

อปทานของท่านพระสุปาริจริยเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปทุโม นาม นาเมน ดังนี้.

แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระมุนีเจ้าผู้ประเสริฐพระองค์ก่อนๆ ทุกๆ ภพนั้นจะสั่งสมแต่บุญอันเป็นอุปนิสัย แห่งพระนิพพานเป็นประจำเสมอ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรง พระนามว่า ปทุมุตตระ ท่านได้เกิดในกำเนิดยักษ์ ไปยังสมาคมยักษ์ใน หิมวันต์ ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาคเจ้า จากพวกเทวดา ยักษ์ คนธรรพ์ และนาคแล้ว มีใจเลื่อมใส คู้แขนทั้งสองเข้า ปรบมือ นมัสการแล้ว. ด้วยบุญอันนั้น เขาจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้บังเกิด ในเทวโลกชั้นสูงๆ ขึ้นไป ได้เสวยทิพยสุขในเทวโลกนั้นแล้ว และได้ บังเกิดในมนุษยโลก เสวยสมบัติมีจักรพรรดิสมบัติเป็นต้นในหมู่มนุษย์ แล้ว ในพุทธุปบาทกาลนี้ เขาได้เกิดในตระกูลคฤหบดีในพระนครสาวัตถี เป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมาก เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ได้ ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว เกิดศรัทธาบวชแล้ว ไม่นานนัก ก็ได้บรรลุพระอรหัต.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 17 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 537

วันหนึ่ง ท่านระลึกถึงบุพกรรมของตนเองได้ เกิดความโสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน จึงกล่าว คำเริ่มต้นว่า ปทุโม นาม นาเมน ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปทุโม ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ถึงการนับว่า ปทุมะ เพราะ สัญญาในเวลาที่จะวางพระบาทลง จะมีดอกบัวแทรกแผ่นดินโผล่ขึ้นมา รองรับพื้นพระบาทของพระองค์. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ พระอรรถกถาจารย์ประสงค์ในบทว่า ปทุโม นี้. เชื่อม ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เสด็จออกจากพระวิหารที่ ประทับ แล้วเสด็จเข้าไปยังท่ามกลางป่า ทรงแสดงธรรมแล้วแล. บทว่า ยกฺขานํ สมโย ความว่า ได้มีสมาคมของเทวดาทั้งหลายแล้ว. บทว่า อชฺฌาเปกฺขึสุ ตาวเท ความว่า ได้เห็นแจ้งชัดในเวลาแสดงธรรมนั้น, คือได้มีปกติเห็นชัดโดยพิเศษ. คำที่เหลือมีเนื้อความปรากฏชัดแล้วที เดียวแล.

จบอรรถกถาสุปาริจริยเถราปทาน