พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

โสณโกฏิวิสเถราปทานที่ ๙ (๓๘๙) ว่าด้วยผลแห่งการถวายถ้ํา

 
บ้านธัมมะ
วันที่  29 พ.ย. 2564
หมายเลข  41391
อ่าน  435

[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 867

เถราปทาน

อัมพฏผลทายกวรรคที่ ๓๙

โสณโกฏิวิสเถราปทานที่ ๙ (๓๘๙)

ว่าด้วยผลแห่งการถวายถ้ำ


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 20 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 867

โสณโกฏิวิสเถราปทานที่ ๙ (๓๘๙)

ว่าด้วยผลแห่งการถวายถ้ำ

[๓๙๑] ในศาสนาของพระพุทธเจ้า พระนามว่า วิปัสสี เราได้ สร้างถ้ำ (วิหาร) ถ้ำหนึ่ง ถวายแด่สงฆ์ผู้มาจากทิศทั้งสี่ ใน พันธุมาราชธานี.

เราบริจาคผ้าหลายผืนไว้ลาดพื้นถ้ำ ในกาลนั้น เรามีจิต เบิกบานโสมนัส ได้ทำความปรารถนาว่า

ขอเราพึงได้พบพระสัมพุทธเจ้าผู้ทรงโปรดปราน พึงได้ บรรพชา และพึงถูกต้อง (บรรลุ) นิพพานอันยอดเยี่ยม เป็น อุดมสันติ.

ด้วยกุศลมูลนั้นนั้นแล เราระลึกชาติได้ตลอด ๙๐ กัป เราเป็นเทวดาก็ดี เป็นมนุษย์ก็ดี เป็นผู้ก่อสร้างบุญรุ่งเรืองนัก.

ด้วยกรรมอันเหลือจากนั้น ในภพหลังสุดนี้ เราเกิดเป็น บุตรคนเดียวของอัครเศรษฐีในจัมปานคร.

พอบิดาของเราได้ฟังว่าเราเกิดแล้ว ก็ได้มีความพอใจว่า เราจะให้ทรัพย์ ๒๐๐ ล้านแก่กุมารไม่ให้หย่อนเลย.

ขนยาวประมาณ ๔ นิ้ว เส้นละเอียด มีสัมผัสอ่อนนุ่ม เสมอเหมือนปุยนุ่นงาม เกิดที่พื้นเท้าทั้งสองของเรา.

ตลอด ๙๐ กัปที่ล่วงมา อาการนี้ เป็นอาการพิเศษยิ่งอย่าง หนึ่ง คือ เราไม่รู้สึกในเมื่อเท้าวางลงบนภาคพื้นที่ไม่มีเครื่อง ลาด.

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 20 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 868

พระสัมพุทธเจ้ายังเราให้พอใจแล้ว เราได้บวชเป็นบรรพชิตแล้ว เราบรรลุอรหัตแล้ว และเป็นผู้เย็น เป็นผู้ดับแล้ว.

พระศาสดาผู้ทรงเห็นเหตุทั้งปวง ทรงแสดงเราว่า เป็น ผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ปรารภความเพียร เราเป็นพระอรหันตขีณาสพ ได้อภิญญา ๖ มีฤทธิ์มาก.

ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ เราได้ถวายทานใดในกาลนั้น ด้วย ทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายถ้ำ.

การที่เราได้มาในพระศาสนาแห่งพระพุทธเจ้าของเรา เป็น การมาดีแล้วหนอ วิชชา ๓ เราบรรลุแล้วโดยลำดับ คำสอน ของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว.

เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพทั้งปวงขึ้นได้หมดแล้ว ตัดกิเลสเครื่องผูกดังช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว

พระโสณโกฏิวิสเถระ โดยฐานะเป็นหัวหน้าของภิกษุ สงฆ์ ถูกถามปัญหาแล้วได้พยากรณ์ที่สระใหญ่ชื่ออโนดาต ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระโสณโกฏิวิสเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย ประการฉะนี้แล.

จบโสณโกฏิวิสเถรปทาน

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 20 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 869

๓๘๙. อรรถกถาโสณโกฏิวิสเถราปทาน

พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ ๙ ดังต่อไปนี้ :-

อปทานของท่านพระโสณโกฏิวิสเถระ อันมีคำเริ่มต้นว่า วิปสฺสิโน ปาวจเน ดังนี้.

แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้ว ในพระพุทธเจ้า พระองค์ก่อนๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้มากมาย ในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า วิปัสสี ท่าน (รูปนี้) ได้เกิดในตระกูลเศรษฐีมีสมบัติมากมาย พอเจริญวัยแล้ว ก็ได้ เป็นเศรษฐี (วันหนึ่ง) พร้อมกับพวกอุบาสกได้ไปพระวิหาร ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว มีใจเลื่อมใส ได้ช่วยกันฉาบทาปูนขาว ในที่จงกรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า และช่วยกันสร้างที่เร้น (ที่สงบ) แห่งหนึ่ง ได้ลาดพื้นที่เร้นด้วยผ้ามีสีต่างๆ และทำเพดานไว้ข้างบน มอบ ถวายแด่พระสงฆ์ที่มาแต่ทิศทั้ง ๔ ได้ถวายมหาทานตลอด ๗ วัน (และ) ได้กระทำการตั้งปณิธานไว้. พระศาสดาได้ทรงกระทำอนุโมทนา. ด้วย กุศลกรรมอันนั้น เขาจึงได้ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก ได้ เสวยสมบัติในโลกทั้ง ๒ ในกัปนี้ เมื่อพระกัสสปทศพลปรินิพพานแล้ว เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าของพวกเรายังไม่ทรงอุบัติ ท่านได้บังเกิดในเรือน แห่งตระกูล ในกรุงพาราณสี พอได้เจริญวัยแล้ว ได้สร้างบรรณศาลา ไว้ใกล้ฝั่งแม่น้ำคงคา ได้บำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งซึ่งอยู่ประจำ ด้วยปัจจัย ๔ ตลอด ๓ เดือนโดยความเคารพ. พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปนั้น พอออกพรรษาแล้ว มีบริขารครบบริบูรณ์ ได้ไปยังภูเขาคันธมาทน์นั่นแล.

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 20 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 870

กุลบุตรคนนั้น ได้ทำบุญไว้เป็นอันมากในมนุษยโลกนั้นจนตลอดชีวิต จุติจากมนุษยโลกนั้นแล้ว ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก พอถึง ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าของพวกเรา เขาได้ถือปฏิสนธิในเรือนของ อัครเศรษฐีในนครจัมปา. ตั้งแต่เวลาที่เขาถือปฏิสนธิมา กองแห่งโภคสมบัติเป็นอันมาก ก็เจริญขึ้นแก่ท่านเศรษฐี. ในวันที่เขาคลอดออกจาก ท้องของมารดา ลาภสักการะและสัมมานะเป็นอันมาก ก็ได้บังเกิดมีทั่ว พระนคร. (ด้วยผลบุญ) ที่ได้บริจาคผ้ากัมพลสีแดงมีค่าตั้งแสนแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าในครั้งก่อน เขาจึงได้มีวรรณดุจทองคำ และมีอัตภาพ สุขุมละเอียดอย่างยิ่ง. ด้วยเหตุนั้น พวกญาติจึงตั้งชื่อเขาว่า โสณะ. เขา เจริญวัยแล้ว มีบริวารมากมาย. ที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าของเขาได้มีเป็นรูป ดอกหงอนไก่, ที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าของเขาทุกข้าง ได้มีสัมผัสอันอ่อนนิ่ม นวลคล้ายกับปุยฝ้ายที่ปั่นแล้วตั้งร้อยครั้ง. เฉพาะที่ฝ่าเท้าทั้ง ๒ ข้าง ได้ เกิดมีโลมชาติเป็นรูปวงกลมคล้ายกับต่างหูแก้วมณี. พวกญาติได้สร้าง ปราสาท ๓ หลังอันเหมาะสมกับฤดูทั้ง ฤดูให้แก่เขาผู้เจริญวัยแล้ว และ ได้มีพวกหญิงนักฟ้อนพากันบำรุงบำเรอ เขาได้เสวยสมบัติอันใหญ่หลวง ในปราสาทหลังนั้นๆ อยู่อย่างเทพกุมาร.

ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าของพวกเรา ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณแล้ว ประทับอยู่อาศัยในพระนครราชคฤห์ แสดงพระธรรมจักร อันประเสริฐให้เป็นไปแล้ว พระเจ้าพิมพิสารมีพระบรมราชโองการให้ บุรุษไปเรียกตัวเขามา เขามายังพระนครราชคฤห์ พร้อมกับพวกชาวบ้าน ๘๐,๐๐๐ คน แล้วไปยังสำนักของพระศาสดา ได้ฟังธรรมแล้ว ได้มี

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 20 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 871

ศรัทธา ขออนุญาตมารดาบิดาแล้วบรรพชาในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า พอได้อุปสมบทแล้วเรียนกัมมัฏฐานในสำนักของพระศาสดาแล้ว ได้อยู่ที่สีตวัน เพื่อหลีกจากการคลุกคลีด้วยหมู่ชน, ขณะที่พระโสณะอยู่ ในที่นั้นได้มีจินตนาการว่า สรีระของเราละเอียดสุขุม ด้วยความสุข ทางกายอย่างเดียวเท่านั้น เราจึงไม่สามารถจะบรรลุความสุขใจที่แท้จริง ได้, เอาละแม้เราจะลำบากกาย ก็ควรที่จะบำเพ็ญสมณธรรม ดังนี้แล้ว จึงอธิษฐานที่จงกรม เริ่มประกอบความเพียร เมื่อฝ่าเท้าทั้ง ๒ ข้าง บวม จนพองขึ้นก็ตาม ก็ไม่คำนึงถึงทุกขเวทนา กระทำความเพียรอย่างแรง กล้า แต่ก็ไม่สามารถจะทำคุณวิเศษให้บังเกิดขึ้นได้ คงเป็นเพราะ ปรารภความเพียรหนักไป จึงคิดว่า เราพยายามถึงขนาดนี้ ก็ยังไม่ สามารถจะทำมรรคและผลให้บังเกิดขึ้นได้, เราจะบวชอยู่ทำไม สึกไป เสวยสมบัติดีกว่า และเราจักทำบุญให้มาก ดังนี้. ลำดับนั้น พระศาสดา ได้ทรงทราบวาระจิตของเขา จึงเสด็จไปยังที่นั้น ทรงประทานพระโอวาท อุปมาด้วยสายพิณ เมื่อจะทรงแสดงถึงวิธีประกอบความเพียรให้สม่ำเสมอ ยังกัมมัฏฐานให้หมดจดแล้ว จึงเสด็จไปยังภูเขาคิชฌกูฏ. แม้พระโสณะแล ได้รับพระโอวาทจากสำนักของพระศาสดาแล้ว ประกอบ ความเพียรให้สม่ำเสมอ พยายามเจริญวิปัสสนา ก็ได้ดำรงอยู่ในพระอรหัต.

พระโสณะนั้น เป็นพระอรหันต์แล้ว ระลึกถึงบุรพกรรมของตน ได้เกิดความโสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติ มาแล้วในกาลก่อน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า วิปสฺสิโน ปาวจเน ดังนี้. คำว่า วิปัสสี ในคำนั้นหมายความว่า เห็นโดยพิเศษ อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่า

 
  ข้อความที่ 6  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 20 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 872

วิปัสสี เพราะเห็นได้หลายอย่าง. บทว่า ปาวจเน ได้แก่ชื่อว่า ปาพจน์ คือ พระไตรปิฎก เพราะท่านเรียกโดยประการอย่างหนึ่ง, อธิบายว่า ในปาพจน์ของพระวิปัสสีพุทธเจ้าพระองค์นั้น. บทว่า เลณํ ความว่า ชื่อว่า เลณะ คือวิหาร เพราะเป็นที่เร้น อันปลอดภัย (สงบ). บทว่า พนฺธุมาราชธานิยา แยกวิเคราะห์ว่า ชื่อว่า พันธุ คือ หมู่ญาติ เพราะ เกี่ยวพัน คือผูกพันซึ่งกันและกันมา ด้วยอำนาจการสืบต่อจากตระกูล. ชื่อว่า พันธุมา เพราะย่อมอยู่ประจำในที่นั่น, อีกความหมายหนึ่ง ชื่อว่า พันธุมา เพราะเขามีความเกี่ยวข้องกัน. ชื่อว่า ราชธานี เพราะเป็นที่ ประทับอยู่ของพระราชาทั้งหลาย, พันธุมา ศัพท์ และ ราชธานี ศัพท์นั้น รวมกันเป็นพันธุมาราชธานี เชื่อมความว่า เราได้สร้างที่เร้น (วิหาร) ที่ราชธานีของพระเจ้าพันธุมานั้น. คำที่เหลือในที่นี้ มีเนื้อความง่าย ทั้งนั้นแล.

จบอรรถกถาโสณโกฏิวิสเถราปทาน