พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

ปุณณกเถราปทานที่ ๒ (๔๐๒) ว่าด้วยผลแห่งการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ

 
บ้านธัมมะ
วันที่  29 พ.ย. 2564
หมายเลข  41405
อ่าน  347

[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 956

เถราปทาน

เมตเตยยวรรคที่ ๔๑

ปุณณกเถราปทานที่ ๒ (๔๐๒)

ว่าด้วยผลแห่งการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 20 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 956

ปุณณกเถราปทานที่ ๒ (๔๐๒)

ว่าด้วยผลแห่งการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ

[๔๐๔] พระพุทธเจ้าผู้สยัมภู ไม่ทรงแพ้อะไรๆ ทรงพระประชวร ทรงอาศัยยอดเงื้อมเขา ประทับอยู่ในระหว่างแห่งภูเขา.

ขณะนั้นได้มีเสียงบันลือลั่นโดยรอบอาศรมของเรา เมื่อ พระพุทธเจ้าเสด็จนิพพาน ได้มีแสงสว่างในขณะนั้น.

หมี หมาป่า เสือดาว เนื้อร้าย และราชสีห์ มีอยู่ใน ไพรสณฑ์ประมาณเท่าใด ทั้งหมดนั้นได้พากันส่งเสียงร้องขึ้น ในขณะนั้น.

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 20 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 957

เราเห็นความอัศจรรย์นั้นแล้ว ได้ไปสู่เงื้อมเขา ณ ที่นั้น เราได้เห็นพระสัมพุทธเจ้าผู้ไม่แพ้อะไรๆ นิพพานแล้ว.

เหมือนพญารังมีดอกบานสะพรั่ง เช่นดวงอาทิตย์อุทัย ดังถ่านเพลิงปราศจากเปลวไฟ ผู้ดับสนิทแล้ว ไม่แพ้อะไรๆ.

เรานำเอาหญ้าและไม้ มากองให้เต็มแล้ว ได้ทำจิตกาธาร ขึ้นบนนั้น ครั้นทำจิตกาธารดีแล้ว ได้ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ.

ครั้นถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระแล้วได้เอาน้ำอบประพรม ในขณะนั้นเทวดายืนอยู่ในอากาศ ได้ระบุชื่อว่า

ท่านผู้เป็นมุนี ในกาลใด ท่านมีนามชื่อว่า ปุณณกะ ในกาลนั้น ท่านบำเพ็ญกิจนั้นแด่พระพุทธเจ้าผู้สยัมภู ผู้แสวง หาคุณใหญ่.

เราจุติจากกายนั้นแล้ว ได้ไปสู่เทวโลก ในเทวโลกนั้น กลิ่นอันสำเร็จด้วยทิพย์ ย่อมตกลงจากอากาศ.

แม้ในเทวโลกนั้น เราก็มีชื่อว่า ปุณณกะ ในกาลนั้น เราเป็นเทวดาหรือมนุษย์ ย่อมยังความดำริให้บริบูรณ์.

ภพนี้เป็นภพที่สุดของเรา ภพที่สุดย่อมเป็นไป แม้ใน ภพนี้ นามของเราก็ยังปรากฏชื่อว่า ปุณณกะ.

เรายังพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โคดมศากยบุตร ให้ ทรงโปรดแล้ว กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะ อยู่.

ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใด ในกาลนั้น ด้วย

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 20 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 958

กรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ.

เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพทั้งปวงขึ้นได้แล้ว ตัด กิเลสเครื่องผูกดังช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสนะอยู่.

การที่เราได้มาในสำนักพระพุทธเจ้าของเรานี้ เป็นการ มาดีแล้วหนอ วิชชา ๓ เราได้บรรลุแล้วโดยลำดับ คำสอน ของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว.

คุณสมบัติเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระปุณณกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.

จบปุณณกเถราปทาน

๔๐๒. อรรถกถาปุณณกเถราปทาน

พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ ๒ ดังต่อไปนี้ :-

อปทานของท่านพระปุณณกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปพฺภารกูฏํ นิสฺสาย ดังนี้.

ในเรื่องนั้น มีความแตกต่างกันแต่เพียงว่า ท่านเป็นเสนาบดียักษ์อยู่ ในป่าหิมวันต์ ได้สร้างที่ประชุมเพลิง เพื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้ปรินิพพาน แล้วเท่านั้น. คำที่เหลือพอจะรู้ได้โดยง่าย ตามลำดับบาลีนั่นแล.

จบอรรถกถาปุณณกเถราปทาน