พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

ภัททาลิเถราปทานที่ ๑ (๔๑๑) ว่าด้วยผลแห่งการมุงมณฑปด้วยดอกรัง

 
บ้านธัมมะ
วันที่  30 พ.ย. 2564
หมายเลข  41414
อ่าน  398

[เล่มที่ 72] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 1

เถราปทาน

ภัททาลิวรรคที่ ๔๒

ภัททาลิเถราปทานที่ ๑ (๔๑๑)

ว่าด้วยผลแห่งการมุงมณฑปด้วยดอกรัง


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 72]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 20 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 1

พระสุตตันตปิฎก

ขุททกนิกาย อปทาน (๑)

เล่มที่ ๙

ภัททาลิวรรคที่ ๔๒

๓. เถราปทาน

ภัททาลิเถราปทานที่ ๑ (๔๑๑)

ว่าด้วยผลแห่งการมุงมณฑปด้วยดอกรัง

[๑] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุเมธะ ผู้เลิศ ประกอบด้วยพระกรุณา เป็นมุนี ปรารถนาความวิเวก เลิศในโลกได้เสด็จเข้าไปยัง ป่าหิมพานต์

ครั้นแล้ว พระสุเมธสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้นำ โลก พระเสริฐกว่าบุรุษ ได้ประทับนั่งขัดสมาธิ พระพุทธเจ้าผู้นำโลก พระนามว่าสุเมธะผู้สูงสุด กว่าบุรุษ พระองค์ประทับนั่งขัดสมาธิอยู่ ๗ คืน ๗ วัน

เราถือหาบเข้าไปกลางป่า ณ ที่นั้นเราได้ เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ข้ามโอฆะได้แล้ว ไม่มีอาสวะ


๑. บาลีเล่มที่ ๓๓

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 20 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 2

ครั้งนั้น เราจับไม้กวาด กวาดอาศรม ปักไม้สี่อันทำเป็นมณฑป

เราเอาดอกรังมานุงมณฑป เราเป็นผู้มีจิต เลื่อมใส โสมนัส ได้ถวายบังคมพระผู้นำโลกแล้ว

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุเมธะ ที่ชนทั้งหลายกล่าวกันว่า มีพระปัญญาดังแผ่นดิน มีพระปัญญาดี ประทับนั่ง ณ ท่ามกลางพระภิกษุ สงฆ์ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้

เทวดาทั้งปวงทราบว่าพระพุทธเจ้าจะ เปล่งวาจา จึงพากันมาประชุมด้วยคิดว่า พระพุทธ เจ้าผู้ประเสริฐสุด มีพระจักษุ จะทรงแสดงพระ ธรรมเทศนาโดยไม่ต้องสงสัย

พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสุเมธะ ผู้สมควรรับเครื่องบูชา ประทับนั่งในหมู่เทวดา ได้ตรัส พระคาถาดังต่อไปนี้

ผู้ใดทรงมณฑป มีดอกรังเป็นเครื่องมุง แก่เราตลอด ๗ วัน เราพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้ง หลายจงฟังเรากล่าว

ผู้นั้น เกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ จักเป็น ผู้มีผิวพรรณเหมือนทองคำ จักมีโภคทรัพย์ ล้นเหลือ บริโภคกาม

ช้างมาตังคะ ๖ หมื่นเชือกประดับด้วย เครื่องอาภรณ์ทุกชนิด รัดปะคน และพานหน้า

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 20 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 3

พานหลังล้วนทองกอปรด้วยเครื่องประดับศีรษะ และข่ายทอง

มีนายหัตถาจารย์ผู้มีมือถือหอกซัดและขอ ขึ้นขี่ประจำ จักมาสู่ที่บำรุงผู้นั้นทั้งเวลาเย็นเวลา เช้า

ผู้นี้จักเป็นผู้อันช้างเหล่านั้นแวดล้อมแล้ว รื่นรมย์อยู่ สินธพอาชาไนยโดยกำเนิด ๖ หมื่นม้า ประดับด้วยเครื่องอลังการทุกอย่างเป็นพาหนะ ว่องไว มีอัศวาจารย์ผู้สวมเกราะถือธนูขึ้นขี่ประจำ จักแวดล้อมอยู่เป็นนิตย์ นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา

รถ ๖ หมื่นคันประดับด้วยสรรพาลังการ หุ้มด้วยหนังเสือเหลืองบ้าง ด้วยหนังเสือโคร่งบ้าง มีธงปักหน้ารถ มีคนขับถือธนูสวมเกราะขึ้น ประจำ จักแวดล้อมผู้นี้อยู่เป็นนิตย์ นี้เป็นผล แห่งพุทธบูชา

บ้าน ๖ หมื่นบริบูรณ์ด้วยเครื่องใช้ทุกสิ่ง มีทรัพย์และข้าวเปลือกล้นเหลือ บริบูรณ์ดีทุก ประการ จักมีปรากฏอยู่ทุกเมื่อ นี้เป็นผลแห่ง พุทธบูชา

เสนาสี่เหล่า คือ กองช้าง กองม้า กอง รถ กองราบ จักแวดล้อมผู้นี้อยู่เป็นนิตย์ นี้เป็น ผลแห่งพุทธบูชา

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 20 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 4

ใน ๑๘,๐๐๐ กัป ผู้นี้จักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลก จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑,๐๐๐ ครั้ง และจักเสวยรัชสมบัติในเทวโลก ๓๐๐ ครั้ง จักได้ เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณานับ ไม่ถ้วน

ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ แต่กัปนี้ พระศาสดามี พระนามชื่อว่าโคดม ซึ่งสมภพในวงศ์พระเจ้า โอกกากราชจักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก

ข้าพระองค์เป็นทายาทในธรรมของพระองค์ท่าน เป็นโอรสอันธรรมนิรมิตแล้ว กำหนด รู้อาสวะทั้งปวงแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่

ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ (แต่กัปนี้) ข้าพระองค์ ได้เห็นพระศาสดาผู้นำโลก ในระหว่างนี้ ข้าพระองค์ได้แสวงหาอมฤตบท

การที่ข้าพระองค์รู้ศาสนธรรมนี้ เป็นลาภ ของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ดีแล้ว วิชชา ๓ ข้าพระองค์บรรลุแล้วโดยลำดับ พระพุทธศาสนา ข้าพระองค์ทำเสร็จแล้ว

ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นบุรุษอาชาไนย ข้า พระองค์ขอนอบน้อมแด่พระองค์ ข้าแต่พระองค์ ผู้สูงสุดกว่าบุรุษ ข้าพระองค์ขอนอบน้อมแด่ พระองค์ ข้าพระองค์ได้บรรลุอมฤตบท เพราะ กล่าวสดุดีพระพุทธญาณ

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 20 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 5

ข้าพระองค์เข้าถึงกำเนิดใดๆ คือ จะเป็น เทวดาหรือมนุษย์ ย่อมเป็นผู้มีความสุขในทุก สถาน นี้เป็นผลในการทที่ข้าพระองค์ กล่าวสดุดี พระพุทธญาณ

นี้เป็นการเกิดครั้งหลังของข้าพระองค์ ภพสุดท้ายกำลังเป็นไปอยู่ ข้าพระองค์ตัดกิเลส เครื่องผูก ดังช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะ อยู่

ข้าพระองค์เผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอน ภพขึ้นได้ทั้งหมดแล้ว ตัดกิเลสเครื่องผูก ดังช้าง ตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่

การที่ข้าพระองค์ได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้าของข้าพระองค์นี้ เป็นการมาดีแล้วหนอ วิชชา ๓ พระองค์บรรลุแล้วโดยลำดับ คำสอน ของพระพุทธเจ้า ข้าพระองค์ได้ทำเสร็จแล้ว

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพระองค์ได้ทำให้แจ้ง แล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพระองค์ได้ทำ เสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระภัททาลิเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.

จบภัททาลิเถราปทาน