พุทธสัญญกเถราปทานที่ ๒ (๔๘๒) ว่าด้วยผลแห่งการเกิดพุทธสัญญา
[เล่มที่ 72] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 116
เถราปทาน
ปังสุกูลวรรคที่ ๔๙
พุทธสัญญกเถราปทานที่ ๒ (๔๘๒)
ว่าด้วยผลแห่งการเกิดพุทธสัญญา
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 72]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 116
พุทธสัญญกเถราปทานที่ ๒ (๔๘๒)
ว่าด้วยผลแห่งการเกิดพุทธสัญญา
[๗๒] เราเป็นคนเล่าเรียน ทรงจำมนต์ รู้จบไตรเพท ชำนาญในคัมภีร์ทำนายมหาปุริส ลักษณะ คัมภีร์อิติหาสะ พร้อมด้วยคัมภีร์ นิฆัณธุศาสตร์ แลคัมภีร์เกฏุภศาสตร์
ครั้งนั้นพวกศิษย์มาหาเราปานดังกระแส น้ำ เราไม่เกียจคร้าน บกกมนต์แก่ศิษย์เหล่านั้น ทั้งกลางวันและกลางคืน
ในกาลนั้น พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์ทรง กำจัดความมืดมิดให้พินาศแล้ว ยังแสงสว่างคือ พระญาณให้เป็นไป
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 117
ครั้งนั้น ศิษย์ของเราคนหนึ่งได้บอกแก่ ศิษย์ทั้งหลายของเรา พวกเขาได้ฟังความนั้น จึง ได้บอกแก่เรา เราคิดว่าพระสัพพัญญูพุทธเจ้า ผู้เป็นนายกของโลก เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว ชนย่อม อนุวัตรตามพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น เราไม่มีลาภ
พระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นผู้มีการอุบัติ เลิศลอย มีจักษุ ทรงยศใหญ่ ไฉนหนอ เราพึง เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด เป็นผู้นำโลก
เราถือหนังสือ ผ้าเปลือกไม้กรอง และ คนโทน้ำของเรา แล้วออกจากอาศรม เชิญชวน พวกศิษย์ว่า
ความเป็นผู้นำโลกหาได้ยาก เหมือนกับ ดอกมะเดื่อ กระต่ายในดวงจันทร์หรือเหมือนกับ น้ำนมกา ฉะนั้น
พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลกแล้ว แม้ความเป็นมนุษย์ก็หาได้ยาก และเมื่อความมี พระพุทธเจ้าผู้นำโลกและความเป็นมนุษย์ทั้งสอง อย่างมีอยู่ การได้ฟังธรรมก็ยังได้ยาก
พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พวก เราจักได้ดวงตาเห็นธรรมอันเป็นของพวกเรา มา เถอะท่านทั้งหลาย เราจักไปยังสำนักของพระพุทธเจ้าด้วยกันทุกคน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 118
ศิษย์ทุกคนแบกคนโทน้ำ นุ่งหนังเสือ ทั้งเล็บ พวกเขาเต็มไปด้วยภาชนะคือชฎา พากัน ออกไปจากป่าใหญ่ในครั้งนั้น
พวกเขามองดูประมาณชั่วแอก แสวงหา ประโยชน์อันสูงสุด เดินมาเหมือนลูกช้าง เป็น ผู้ไม่สะดุ้ง ประหนึ่งไกรสรสีหราช ฉะนั้น
เขาทั้งหลายไม่มีความสะดุ้ง หมดความ ละโมภ มีปัญญา มีความประพฤติสงบ เมื่อ เสาะแสวงหาโมกขธรรม ได้พากันเข้าไปเฝ้า พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด
เราเกิดป่วยเจ็บขึ้นในประเทศประมาณ หนึ่งโยชน์ครึ่ง เราระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุดแล้ว ตายที่ประเทศนั้น
ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราได้สัญญาใด ในกาลนั้น ด้วยการได้สัญญานั้นเราไม่รู้จักทุคติ เลย นี้เป็นผลแห่งสัญญาในพระพุทธเจ้า
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... คำสอน ของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระพุทธสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบพุทธสัญญกเถราปทาน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 119
๔๘๒. อรรถกถาพุทธสัญญกเถราปทาน
พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ ๒ ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อธิจฺจุปฺปตฺติกา พุทฺธา ความว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็น ผู้มีการอุบัติเลิศลอย คือ ไม่มีเหตุการณ์อะไรขัดข้อง ได้แก่ เกิดเป็นด้วยพระ ญาณของพระองค์เอง ปราศจากเทวดาพรหมและมารเป็นต้นเหล่าอื่น ที่จะ ให้คำแนะนำ. บทว่า อุทุมฺพริกปุปฺผํว ได้แก่ คล้ายดอกมะเดื่อที่หาได้โดยยาก คือเกิดขึ้นได้ยากฉะนั้น. บทว่า จนฺทมฺหิ สสกํ ยถา ได้แก่ คล้ายรูปกระต่าย ในดวงจันทร์ ซึ่งหาได้ยาก. บทว่า วายสานํ ยถา ขีรํ ความว่าคล้ายกับน้ำนม กาจะบีบคั้นเป็นนิตย์ คือทั้งคืนทั้งวันให้ได้สักนิดหน่อย ก็ได้โดยยากฉันใด พระผู้นำของชาวโลกก็หาได้ยาก เพราะกว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ต้อง บำเพ็ญบารมีถึง ๔ อสงไขยกำไรแสนกัปก็มี ถึง ๘ อสงไขยกำไรแสนกัปก็มี จึงจะได้เป็นพระผู้นำของชาวโลกได้ ฉันนั้นแล.
จบอรรถกถาพุทธสัญญกเถราปทาน