ปุฬินถูปิยเถราปทานที่ ๘ (๔๙๘) ว่าด้วยผลแห่งการก่อเจดีย์ทราย
[เล่มที่ 72] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 158
เถราปทาน
กิงกณิปุปผวรรคที่ ๕๐
ปุฬินถูปิยเถราปทานที่ ๘ (๔๙๘)
ว่าด้วยผลแห่งการก่อเจดีย์ทราย
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 72]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 158
ปุฬินถูปิยเถราปทานที่ ๘ (๔๙๘)
ว่าด้วยผลแห่งการก่อเจดีย์ทราย
[๘๘] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมวันต์ มีภูเขา ลูกหนึ่งชื่อว่า ยมกะ เราได้ทำอาศรมสร้างบรรณ ศาลาไว้ที่ภูเขานั้น เราเป็นชฎิลผู้มีตบะใหญ่ มี นามชื่อว่า นารทะ ศิษย์ ๔ หมื่นคนบำรุงเรา
ครั้งนั้น เราเป็นผู้หลีกออกเร้นอยู่ คิด อย่างนี้ว่า มหาชนบูชาเรา เราไม่บูชาอะไรๆ เลย
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 159
ผู้ที่จะกล่าวสั่งสอนเราก็ไม่มี ใครๆ ที่ จะตักเตือนเราก็ไม่มีอ เราไม่มีอาจารย์และอุปัชฌาย์ อยู่ในป่า
ศิษย์ผู้ภักดีพึงบำรุงเราก็ไม่มี ความเป็น อาจารย์เช่นนั้นของเราไม่มี การอยู่ในป่าจึงไม่มี ประโยชน์
สิ่งที่ควรบูชา เราควรแสวงหา สิ่งที่ควร เคารพก็ควรแสวงหาเหมือนกัน เราจักชื่อว่าเป็น ผู้มีที่พึงพำนักอยู่ ใครๆ จักไม่ติเราได้
ในที่ไม่ไกลอาศรมของเรา มีแม่น้ำซึ่ง มีชายหาด มีท่าน้ำราบเรียบ น่ารื่นรมย์ใจ เกลื่อน ไปด้วยทรายที่ขาวสะอาด ครั้งนั้น เราได้ไปยัง แม่น้ำชื่อว่า อมริกา ตะล่อมเอาทรายมาก่อเป็น เจดีย์ทราย
พระสถูปของพระสัมพุทธเจ้าผู้ทำที่สุด ภพ เป็นมุนี ที่ได้มีแล้ว เป็นเช่นนี้ เราได้ทำ สถูปนั้นให้เป็นนิมิต
เราก่อพระสถูปที่หาดทรายแล้วปิดทอง แล้วเอาดอกกระดึงทอง ๓ ดอกมาบูชา
เราเป็นผู้มีความอิ่มใจ ประนมกรอัญชลี นมัสการทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า ไหว้พระเจดีย์ทราย
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 160
เหมือนถวายบังคมพระสัมพุทธเจ้าในที่เฉพาะพระ พักตร์ ฉะนั้น
ในเวลาที่กิเลสและความตรึกเกี่ยวด้วย กามเกิดขึ้น เราย่อมนึกถึง เพ่งดูพระสถูปที่ได้ ทำไว้ เราอาศัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้นำสัตว์ ออกจากที่กันดาร ผู้นำชั้นพิเศษ ตักเตือนตนว่า ท่านควรระวังกิเลสไว้ แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ การ ยังกิเลสให้เกิดขึ้นไม่สมควรแก่ท่าน
ครั้งนั้น เมื่อเราคำนึงถึงพระสถูป ย่อม เกิดความเคารพขึ้นพร้อมกัน เราบรรเทาวิตกที่ น่าเกลียดเสียได้ เปรียบเหมือนช้างตัวประเสริฐ ถูกเครื่องแทงหูเบียดเบียน ฉะนั้น
เราประพฤติอยู่เช่นนี้ได้ถูกพระยามัจจุ- ราชย่ำยี เราทำกาลกิริยา ณ ที่นั้นแล้ว ได้ไป ยังพรหมโลก
เราอยู่ในพรหมโลกนั้นตราบเท่าหมดอายุ แล้วมาบังเกิดในไตรทิพย์ ได้เป็นจอมเทวดา เสวยราชสมบัติในเทวโลก ๘๐ ครั้ง
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๐๐ ครั้ง และ ได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ โดยคณนา นับมิได้
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 161
เราได้เสวยผลของดอกกระดึงทองเหล่า นั้น ดอกกระดึงทอง ๒๒,๐๐๐ ดอกแวดล้อมเรา ทุกภพ
เพราะเราเป็นผู้บำเรอพระสถูปฝุ่นละออง ย่อมไม่ติดที่ตัวเรา เหงื่อไม่ไหล เรามีรัศมีซ่าน ออกจากตัว
โอ พระสถูปเราได้สร้างไว้ดีแล้ว แม่น้ำ อมริกา เราได้เห็นหมดแล้ว เราได้บรรลุบทอันไม่ หวั่นไหว
ก็เพราะได้ก่อพระสถูปทราย อันสัตว์ผู้ ปรารถนาจะกระทำกุศลควรเป็นผู้ยึดเอาสิ่งที่เป็น สาระ ไม่ใช่เป็นด้วยเขตหรือไม่ใช่เขต ความ ปฏิบัตินั่นเองเป็นสาระ
บุรุษผู้มีกำลัง มีความอุตสาหะที่จะข้าม ทะเลหลวง พึงถือเอาท่อนไม้เหล็ก วิ่งไปสู่ทะเล หลวง ด้วยคิดว่า
เราอาศัยไม้นี้จักข้ามทะเลหลวงไปได้ นรชนพึงข้ามทะเลหลวงไปด้วยความเพียรอุตสาหะ แม้ฉันใด
เราก็ฉันนั้นเหมือนกัน อาศัยกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้ทำไว้แล้ว จึงข้ามพ้นสงสารไปได้
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 162
เมื่อถึงภพสุดท้าย เราอันกุศลมูลตักเตือน แล้วเกิดในสกุลพราหมณ์มหาศาลอันมั่งคั่ง ใน พระนครสาวัตถี
มารดาบิดาของเรา เป็นคนมีศรัทธา นับถือพระพุทธเจ้า ท่านทั้งสองนี้ เป็นผู้ฟัง ทิฏฐิธรรมแล้ว ประพฤติตามคำสอน
ท่านทั้งถือเอาผ้าลาดสีขาว มีเนื้อ อ่อนมาที่ต้นโพธิ์ ได้ทำพระสถูปทองนมัสการใน ที่เฉพาะพระพักตร์แห่งพระศากยบุตร ทุกเย็นเช้า
ในวันอุโบสถ ท่านทั้งสองนำเอาพระสถูปทองออก กล่าวสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า ยับยั้งอยู่ตลอด ๓ ยาม เราได้เห็นพระสถูปเสมอ จึงจะระลึกถึงเจดีย์ทรายขึ้นได้ นั่งบนอาสนะ เดียว ได้บรรลุอรหัตแล้ว.
จบภาณวารที่ ๒๒
เราแสวงหาพระพุทธเจ้าผู้เป็นนักปราชญ์นั้น อยู่ ได้เห็นพระธรรมเสนาบดี จึงออกจากเรือน บรรพชาในสำนักของท่าน
เราได้บรรลุอรหัตแต่อายุ ๗ ขวบ พระพุทธเจ้าผู้มีพระปัญญาจักษุ ทรงทราบถึงคุณวิเศษ ของเราจึงให้เราอุปสมบท
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 163
เรามีการกระทำอันบริบูรณ์ดีแล้ว แต่ ยังเป็นทารกอยู่ทีเดียว ทุกวันนี้กิจที่ควรทำใน ศาสนาของพระศากยบุตร เราทำเสร็จแล้ว
ข้าแต่พระฤาษีผู้มีความเพียรใหญ่ สาวก ของพระองค์เป็นผู้ล่วงพ้นเวรภัยทุกอย่าง ล่วงพ้น ความเกี่ยวข้องทั้งปวง นี้เป็นผลแห่งพระสถูปทอง
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... คำสอน ของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระปุฬินถูปิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.
จบปุฬินถูปิยเถราปทาน