วนวัจฉเถราปทานที่ ๙ (๕๔๙) วาดวยบุพจริยาของพระวนวัจฉเถระ
[เล่มที่ 72] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 402
เถราปทาน
ภัททิยวรรคที่ ๕๕
วนวัจฉเถราปทานที่ ๙ (๕๔๙)
ว่าด้วยบุพจริยาของพระวนวัจฉเถระ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 72]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 402
วนวัจฉเถราปทานที่ ๙ (๕๔๙)
ว่าด้วยบุพจริยาของพระวนวัจฉเถระ
[๑๓๙] ในภัทรกัปนี้ พระพุทธเจ้า มีพระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็นพงศ์พันธุ์ของพรหม ทรงพระยศใหญ่ ประเสริฐกว่านักปราชญ์ทั้งหลาย ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
ครั้งนั้น เราบวชในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ประพฤติพรหมจรรย์ตราบเท่า สิ้นชีวิต จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว
เพราะกรรมที่ทำไว้ดีนั้นและเพราะการตั้ง เจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์นั้นแล้วได้ไป สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
จุติจากนั้นแล้ว ได้เป็นนกพิราบอยู่ใน ป่า ภิกษุผู้สมบูรณ์ด้วยคุณ ยินดีในฌานทุกเมื่อ อาศัยอยู่ในป่านั้น
ท่านเป็นผู้มีจิตเมตตาประกอบด้วยกรุณา มีหน้าเบิกบานทุกเมื่อ วางเฉย มีความเพียรมาก ฉลาดในอัปปมัญญา
มีความดำริปราศจากนิวรณ์ มีอัธยาศัย ใคร่ประโยชน์แก่สรรพสัตว์ โดยไม่นาน เรา คุ้นเคยในพระสาวกของพระสุคตนั้น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 403
เมื่อเราเข้าไปจับอยู่แทบเท้าของท่านผู้นั่ง อยู่ในอาศรม ณ ครั้งนั้น บางครั้งท่านก็ให้เหยื่อ บางครั้งท่านก็แสดงธรรมเทศนา
ครั้งนั้น เราเข้าไปหาท่านผู้เป็นโอรส ของพระพิชิตมารด้วยความรักอันไพบูลย์ จุติจาก อัตภาพนั้นแล้วได้ไปสวรรค์ ปานดังจากที่อยู่ แล้วกลับไปเรือนของตัว ฉะนั้น
เราจุติจากสวรรค์แล้ว เกิดในมนุษย์ด้วย บุญกรรม ได้ละทิ้งเรือนออกบวชโดยมาก เรา เป็นสมณะ ดาบส พราหมณ์ ปริพาชกอยู่ในป่า กว่าร้อยชาติ
ก็ในภพสุดท้ายในบัดนี้เราหยั่งลงสู่ครรภ์ ภรรยาของพราหมณ์วัจฉโคตร ในพระนครกบิลพัสดุ์ อันน่ารื่นรมย์
เมื่อเรายังอยู่ในครรภ์ของมารดา มารดา ของเราแพ้ท้องในเวลาที่เราใกล้จะคลอด ท่านตัด สินใจเพื่อจะอยู่ในป่า
จากนั้น มารดาของเราได้คลอดเราภายใน ป่าอันน่ารื่นรมย์ เมื่อเราออกจากครรภ์มารดา ชนทั้งหลายเอาผ้ากาสวะรองรับเรา
ในขณะนั้น พระสิทธัตถราชกุมารผู้เป็น ธงชัยของสักยวงศ์ ก็ประสูติ เราเป็นสหายรัก สนิทชิดชอบของพระองค์
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 404
เมื่อพระองค์ละยศใหญ่ เสด็จออก มหาภิเนษกรมณ์เพื่อสาระประโยชน์แก่สัตว์ แม้ เราก็บวชแล้วเข้าสู่ป่าหิมพานต์
เราพบท่านพระกัสสปะ ผู้อยู่ป่าน่าสรรเสริญบอกกล่าวธุดงค์ จึงได้สดับข่าวว่า พระพิชิตมารเสด็จอุบัติขึ้นแล้ว ก็ได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้เป็นสารถีฝึกนระ
พระองค์ได้ทรงแสดงพระธรรมเทศนา ประกาศประโยชน์ทุกประการแก่เรา ต่อนั้น เรา ก็ได้บวชแล้วเข้าไปป่าตามเดิม เมื่อเราอยู่ในป่า นั้น เป็นผู้ไม่ประมาท ก็ได้เห็นอภิญญา ๖ โอ เราเป็นผู้มีลาภอันได้ดีแล้ว เป็นผู้อันพระศาสดา ผู้เป็นกัลยาณมิตรทรงอนุเคราะห์แล้ว
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... คำสอน ของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระวนวัจฉเถระได้ภาษิตเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.
จบวนวัจฉเถราปทาน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 405
๕๔๙. อรรถกถาวนวัจฉเถราปทาน
พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ ๙ ดังต่อไปนี้:-
อปทานของท่านพระวนวัจฉเถระ คำเริ่มต้นว่า อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป ดังนี้.
แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้ว ในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพ นั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า กัสสปะ ท่านได้บังเกิดใน เรือนอันมีสกุล บรรลุนิติภาวะแล้ว ได้สดับพระธรรมเทศนาของพระศาสดา เกิดศรัทธาบวชแล้ว ประพฤติพรหมจรรย์ได้อย่างบริสุทธิ์ จุติจากอัตภาพนั้น แล้ว ไปบังเกิดในเทวโลก จุติจากเทวโลกนั้น ไปบังเกิดในกำเนิดนกพิราบ อยู่ใกล้พวกภิกษุผู้อยู่ในป่า. เขามีเมตตาจิตในหมู่ภิกษุเหล่านั้น ได้ฟังธรรม จุติจากอัตภาพนั้น ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ในกรุงกบิลพัสดุ์. ในเวลาที่เขาอยู่ในท้องของ มารดานั่นแหละ มารดาได้เกิดการแพ้ท้อง เพื่อจะอยู่ในป่า และเพื่อคลอด ในป่า. การออกจากครรภ์ได้มีแก่มารดาผู้อยู่ในป่า ตามอำนาจแห่งความ ปรารถนานั้นแล้ว. และพวกญาติได้เอาท่อนผ้ารับเขาผู้คลอดออกจากครรภ์ แล้ว. เวลานั้นเป็นเวลาที่พระโพธิสัตว์ก็ได้ทรงอุบัติขึ้นแล้ว. พระราชา ทรงมี รับสั่งให้พวกคนนำเด็กนั้นมาแล้ว เลี้ยงไว้ร่วมกับพระโพธิสัตว์ ลำดับนั้น พระโพธิสัตว์ เสด็จออกสู่พระมหาภิเนษกรมณ์ ผนวชแล้ว ทรงบำเพ็ญ ทุกกรกิริยาตลอดเวลา ๖ ปี เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว. นายวนวัจฉะนั้น ไป หาพระมหากัสสปะเลื่อมใสแล้วในโอวาของท่าน ได้ทราบจากสำนักของท่าน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 406
ว่าพระพุทธเจ้าทรงอุบัติแล้ว จึงไปเฝ้าพระศาสดา ได้ฟังธรรมแล้วจึงบวช ไม่นานนัก ก็ได้เป็นพระอรหันต์พร้อมด้วยอภิญญา ๖.
ท่านบรรลุพระอรหันต์แล้ว ระลึกถึงบุรพกรรมของตน ได้เกิดความ โสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น ใน บทว่า พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส นี้ได้แก่ เป็นพวกพ้องคือญาติของพวก พราหมณ์ พึงทราบว่า ในเมื่อควรจะกล่าวว่า พฺราหฺมณพนฺธุ แต่ท่านได้กล่าว ไว้ว่า พฺรหฺมพนฺธุ ก็เพื่อความสะดวกแก่การประพันธ์คาถา. ชื่อว่า มหายโส เพราะมียศแผ่ปกคลุมไปในโลกทั้ง ๓ คำที่เหลือทั้งหมด มีเนื้อความพอที่จะ กำหนดได้โดยง่ายทีเดียวแล
จบอรรถกถาวนวัจฉเถราปทาน