โสณาเถรีอปทานที่ ๖ [๒๖] ว่าด้วยบุพจริยาของพระโสณาเถรี
[เล่มที่ 72] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 627
เถรีอปทาน
กุณฑลเกสวรรคที่ ๓
โสณาเถรีอปทานที่ ๖ [๒๖]
ว่าด้วยบุพจริยาของพระโสณาเถรี
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 72]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 627
โสณาเถรีอปทานที่ ๖ [๒๖]
ว่าด้วยบุพจริยาของพระโสณาเถรี
[๑๖๖] ในกัปที่หนึ่งแสนแต่ภัทรกัปนี้ พระพิชิตมาผู้เป็นนายกของโลกพระนามว่า ปทุมุตตระ ผู้ทรงรู้จบธรรมทั้งปวง เสด็จอุบัติขึ้น แล้ว
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 628
ครั้งนั้น ดิฉันเถิดในสกุลเศรษฐี เป็น ผู้มีสุขชอบตกแต่ง เป็นที่รักของบิดา เข้าไป เฝ้าพระมุนีผู้ประเสริฐพระองค์นั้น ได้ฟังพระดำรัสอันไพเราะ.
พระพิชิตมารทรงสรรเสริญภิกษุองค์- หนึ่งว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลาย ฝ่ายผู้ ปรารภความเพียรครั้งนั้น ดิฉันได้ฟังพระพุทธพจน์นั้นแล้วมีความยินดี ได้ทำสักการะแด่พระศาสดา
ถวายบังคมพระพุทธเจ้าแล้วได้ปรารถนา ตำแหน่งนั้น พระมหาวีรเจ้าทรงอนุโมทนาว่า ความปรารถนาของท่านจะสำเร็จ
ในกัปที่แสนหนึ่งแต่กัปนี้ พระศาสดา พระนามว่าโคดม มีสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราชจักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ท่านนี้จักได้เป็น ธรรมทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น จักเป็น โอรสอันธรรมนิรมิต จักได้เป็นพระสาวิกาของ พระศาสดามีชื่อว่าโสณา.
ครั้งนั้น ดิฉันได้ฟังพุทธานุโมทนานั้น แล้วมีความยินดี มีจิตประกอบด้วยเมตตา บำรุง พระพิชิตมารผู้เป็นนายกชั้น พิเศษด้วยปัจจัยทั้ง หลายจนตลอดชีวิต
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 629
ด้วยกุศลกรรมที่ทำไว้แล้วนั้น และด้วย การตั้งเจตน์จำนงไว้ ดิฉันละร่างกายมนุษย์แล้ว ได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ในภพหลังครั้งนี้ดิฉันเกิดในสกุลเศรษฐี ที่มั่งคั่งเจริญ มีทรัพย์มากในพระนครสาวัตถี
เมื่อดิฉันเติบโตเป็นสาว ได้ไปสู่สกุลสามี คลอดบุตรชาย ๑๐ คนล้วนแต่มีรูปงามยิ่งนัก บุตร ทุกคนนั้นตั้งอยู่ในความสุข เจริญตาและใจของ ชนให้นิยม แม้แต่พวกศัตรูก็ชอบใจ เป็นที่รัก ของดิฉันมาก.
ในกาลนั้น โดยที่ดิฉันไม่ปรารถนา สามี ของดิฉันพร้อมด้วยบุตรทั้ง ๑๐ คนพากันไปบวช ในพระพุทธศาสนา ดิฉันอยู่ผู้เดียวคิดว่า เราพลัดพรากจาก สามีและบุตรเป็นกำพร้าอยู่ ไม่ควรจะเป็นอยู่ แม้เราก็จักไปในอารามที่ภิกษุผู้เคยเป็นสามีอยู่ ครั้นคิดอย่างนี้แล้ว จึงออกบวช.
ครั้งนั้น พวกภิกษุณีละดิฉันไว้ในสำนัก ที่อยู่อาศัยแต่ผู้เดียว สั่งดิฉันว่า ท่านจงต้มน้ำ ไว้แล้วพากันไป
เวลานั้น ดิฉันตักน้ำมาใส่ในหม้อเล็ก ตั้งทิ้งไว้แล้วนั่งอยู่ แต่นั้นดิฉันก็เริ่มเพียรทางจิต
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 630
ได้พิจารณาเห็นขันธุ์ทั้งหลายโดยความเป็นของไม่ เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา ยังอาสวะ ทั้งปวงให้สิ้นไปแล้ว ได้บรรลุอรหัตตผล เมื่อพวกภิกษุณีกลับมาแล้วถามถึงน้ำร้อน ดิฉันอธิษฐาน เตโชธาตุให้น้ำร้อนเร็วพลัน
ภิกษุณีเหล่านั้นพากันพิศวง ไปกราบทูล พระพิชิตมารผู้ประเสริฐ ให้ทรงทราบเรื่องนั้น
พระโลกนาถทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว ทรง ชื่นชม ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า แท้จริง บุคคลผู้ ปรารภความเพียรนั่น มีชีวิตเป็นอยู่เพียงวันเดียว ก็ประเสริฐ กว่าคนเกียจคร้านละความเพียรเป็นอยู่ ตั้ง ๑๐๐ ปี
พระมหามุนีมหาวีรเจ้าอันดิฉันให้โปรด แล้วเพราะความปฏิบัติดีตรัสว่า ดิฉันเป็นผู้เลิศ กว่าภิกษุณีทั้งหลายฝ่ายปรารภความเพียร
ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... คำสอน ของพระพุทธเจ้าดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.
ทราบว่า ท่านพระโสณาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านั้น ด้วยประการ ฉะนี้แล.
จบโสณาเถรีอปทาน