อะไรคือสิ่งที่มีจริง?

 
บ้านธัมมะ
วันที่  2 ธ.ค. 2564
หมายเลข  41619
อ่าน  1,350

什么是真相?

อะไรคือสิ่งที่มีจริง?


問: 鑽石不是真的,山也不是真的?

ผู้ถาม: เพชรไม่มีจริงหรือ? ภูเขาด้วยก็ไม่มีจริงหรือ?

Ajhan Sujin: 初果聖人能夠瞭解那個被看到的真相是什麼嗎?

อ.สุจินต์: พระโสดาบันสามารถรู้ได้ไหมว่า ความจริงของสิ่งที่ถูกเห็นนั้นคืออะไร?

問: 可以。

ผู้ถาม: ได้

Ajhan Sujin: 只有在內觀智慧生起的那一刻會非常清楚是法被看到,不是人也不是東西。但並不是每一刻都會有智慧生起,所以在沒有智慧生起的時候,就算是初果聖人對鑽石也是會有貪愛。

อ.สุจินต์: มีเพียงขณะที่วิปัสสนาญานเกิด ขณะนั้นย่อมรู้แจ้งชัดเจนว่าสิ่งที่ถูกเห็นเป็นเพียงธรรมะ ไม่ใช่คน ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าปัญญาจะเกิดในทุกๆ ขณะ เพราะฉะนั้นในขณะที่ไม่มีปัญญาเกิด แม้เป็นพระโสดาบันก็ยังคงมีความพอใจในเพชร

問: 有一個表象確實就在眼前,譬如 就是有一個鑽石,有富士山在那裡,為什麼說它們不存在呢?

ผู้ถาม: มีรูปร่างลักษณะอย่างหนึ่งอยู่ตรงหน้า เช่น เพชร หรือภูเขาฟูจิที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น เพราะเหตุใดยังกล่าวว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง?

Jon: 存在是什麼意思?山有什麼特徵是可以被直接經驗的呢? 還是"山"只是一個描述,只是一個可以易於溝通的名詞。 是什麼讓山成為山呢?法各自有它們獨自的特徵可以被直接經驗,比如當一個很燙的東西被碰觸到時是身識經由身體感官門直接經驗到火元素,同樣的當一個很冰的東西被碰觸到時也是身識經由身體感官門直接經驗到火元素。 所以不管是冷或熱,被經驗到的就只是火元素冷或熱的特徵。

จอน: “มีอยู่จริง”แปลว่าอะไร? ภูเขามีลักษณะอะไรที่สามารถถูกรู้ได้ไหม? หรือว่าภูเขาเป็นเพียงคำอธิบายถึงลักษณะนั้นเพื่อง่ายต่อการสื่อสาร? อะไรทำให้ภูเขาเป็นภูเขา? ธรรมะมีลักษณะเฉพาะแต่ละอย่าง เป็นสิ่งที่ถูกรู้ได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อกระทบสัมผัสกับสิ่งที่ร้อนมาก นั่นคือกายวิญญานจิต คือสภาพรู้ทางกายที่กำลังกระทบตรงธาตุไฟ เช่นเดียวกันกับเมื่อกระทบกับสิ่งที่เย็น ก็กำลังกระทบตรงธาตุไฟเหมือนกัน ดังนั้นไม่ว่าจะร้อนหรือเย็น ลักษณะที่เย็นหรือร้อนนั้นปรากฏให้รู้ได้ทางกายเป็นเพียงลักษณะของธาตุไฟเท่านั้น

當聲音被聽到時,就只是聲塵被耳識經驗到,而不是我們傳統上所認為的車的聲音或是人的聲音等等,聲塵就只是被聽到而已,和它的來源無關。聲塵和火元素是究竟法,是可以被直接經驗到的,富士山和鑽石是傳統表面的現象,它們是概念。這樣子的區別很重要,因為佛陀的教導是瞭解究竟真相而不是表面現象。

ขณะที่ได้ยินเสียง เสียงเป็นเพียงรูปที่กระทบกับหู ไม่ใช่เป็นอย่างที่เราได้ยิน ว่าเป็นเสียงรถยนต์ หรือ เป็นเสียงคน เสียงและธาตุไฟ คือรูปปรมัตธรรม เป็นสิ่งที่ถูกรู้ได้ ภูเขาฟูจิและเพชรเป็นเพียงคำบัญญัติ เป็นเพียงความคิดนึก การแยกแยะความต่างนี้สำคัญมาก เพราะเหตุว่าในคำสอนของพระพุทธศาสนาคือ ให้เข้าใจตัวจริงของปรมัตถธรรม ไม่ใช่ให้เพียงแต่รู้เรื่องราวต่างๆ ของธัมมะเท่านั้น

Sarah: 現在看著電腦營幕時,被看到的是蓮花?還是其實只是不同的顏色被看到。

ซาร่า: ขณะนี้กำลังมองดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ สิ่งที่ถูกเห็น (หมายถึงรูปดอกบัวในจอคอม) เป็นดอกบัวหรือว่าเป็นเพียงสีที่กระทบตา เป็นเพียงสีที่ถูกเห็น?

問: 電腦營幕的蓮花和我們直接在現場看到真的蓮花是不同的。

ผู้ถาม: การเห็นดอกบัวในจอคอมพิวเตอร์กับการเห็นดอกบัวจริงๆ ไม่เหมือนกัน

Sarah: 不管是營幕上的蓮花或是河畔的蓮花,被看到的就只是色塵。

ซาร่า: ไม่ว่าจะเป็นดอกบัวบนหน้าจอหรือดอกบัวริมสระน้ำก็ตาม สิ่งที่ถูกเห็นเป็นเพียงสีเท่านั้น

問: 但確實還是有房子,山在那裡,並不能說它們是完全不存在的。

ผู้ถาม: ในเมื่อความจริงก็ยังมีบ้าน มีภูเขาตั้งอยู่ที่ตรงนั้น แล้วจะกล่าวว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีจริงได้อย่างไร?

Sarah: 在看的那一刻就只是顏色 (色塵) 被看到,那一刻並沒有房子,山或蓮花,但心的生滅太快了,在看之後,很快就會去想著那個形狀和外觀,所以就會認為看到的是房子,山或蓮花了。

ซาร่า: ขณะที่เห็น เป็นเพียงสี (รูป) เท่านั้นที่ถูกเห็น ขณะนั้นย่อมไม่มีบ้าน ไม่มีภูเขา หรือดอกบัวที่ถูกเห็น การเกิดดับของจิตรวดเร็วประมาณมิได้ หลังจากเห็นแล้ว (หลายขณะ) ด้วยความรวดเร็ว จึงปรากฏเป็นรูปร่างรูปทรงอย่างนั้น ดังนั้น จึงเข้าใจผิดว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นบ้าน เป็นดอกบัว

在聽的那一刻就只是聲塵被聽到,不是某個人的聲音也不是美妙的音樂被聽到,就只是聲塵,它生起很快就滅了。 因為無數刻聽到的不同的聲塵以及一直在思考這些聲塵是什麼意思,它們快速接續發生,所以很快就有貪愛去執取那個聲音了。

ขณะที่ได้ยิน เป็นเพียงเสียงเท่านั้นที่ถูกได้ยิน ไม่ใช่ใครเลยที่ได้ยินเสียง หรือว่า เป็นใครที่ได้ยินเสียงดนตรีที่ไพเราะ ความจริงเป็นเพียงเสียง (รูป) ที่ถูกได้ยิน เสียงเกิดขึ้นแล้วดับไปอย่างรวดเร็ว เพราะการได้ยินเสียงต่างๆ มีมากมายหลายเสียง รวมไปถึงการคิดนึกถึงความหมายของเสียงที่ได้ยินนั้นด้วย ทันทีที่เสียงนั้นเกิดก็ติดข้องในเสียงนั้นทันที

慢慢逐漸去瞭解在看的那一刻就只是那個被看到的 ; 在聽的那一刻就只是那個被聽到的。這也就是佛陀要教導給我們認識的真相。

ค่อยๆ เข้าใจในขณะที่เห็นว่าเป็นเพียงสิ่งที่ถูกเห็น ในขณะที่ได้ยินก็เป็นเพียงสิ่งที่ถูกได้ยิน นี่คือสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราได้รู้จักความจริง

問: 如果房子是不存在的,是想像出來的,那為什麼要每天回家呢?雖然表象會敗壞,但它確實是存在的,為什麼要說什麼都沒有呢?

ผู้ถาม: หากบ้านไม่มีอยู่จริงเป็นเพียงคิดนึก แล้วทำไมเรายังต้องกลับบ้านทุกวันล่ะ? แม้ว่าลักษณะรูปลักษณ์นั้นชราได้ แต่ภูเขาก็มีอยู่จริงๆ เพราะอะไรจึงยังกล่าวว่าไม่มีอะไรเลย?

Jon: 房子有什麼特質是可以被直接經驗的嗎?

จอน: บ้านมีสภาพธรรมอะไรที่ถูกรู้ได้บ้าง?

問: 房子不能被直接經驗嗎?

ผู้ถาม: บ้านไม่อาจถูกรู้ได้หรือ?

Jon: 我們要能夠區分出能夠“被直接經驗的”和“不能夠被直接經驗的”的不同。 可以被直接經驗的是法,它們是真的;不能夠被直接經驗的是概念,在究竟真相裡並不真的存在。

จอน: ก่อนอื่นเราจะต้องแยกให้ออกก่อนว่า อะไรเป็นสิ่งที่รู้ได้ และ อะไรเป็นสิ่งที่รู้ไม่ได้ สภาพธรรมที่ถูกรู้ได้ เป็นสิ่งที่มีจริง เพราะมีลักษณะจริงๆ ให้รู้ได้ สิ่งที่ไม่ได้มีลักษณะจริงๆ เป็นเพียงสิ่งที่คิดนึกถึงปรมัตถธรรมนั้น ซึ่งสิ่งนั้นไม่ได้มีอยู่จริง

問: 但表面現象確實在那裡,所以我們不會坐在水裡,我們會坐在椅子上。

ผู้ถาม: แต่ว่าก็ยังมีรูปร่างลักษณะต่างๆ อยู่ตรงนั้นจริงๆ เราจึงไม่อาจไปนั่งอยู่บนผิวน้ำ เรายังนั่งอยู่บนเก้าอี้

Jon: 聖人一樣也是知道桌子,椅子的用途是什麼,所以他們不會去坐在桌子上,把食物放在椅子上。但聖人知道那個所謂的桌子或椅子的究竟真相是什麼。聖人口渴了也是會喝水,他不會說那個水不是真的,但他知道水的究竟真相是什麼。所以我們不用陷入於”傳統的表面現象不是真的”這句話,重點是我們應該要學習暸解的是究竟真相究竟是什麼。

จอน: พระอริยบุคคลท่านก็รู้ว่านี่คือโต๊ะ เก้าอี้ ควรใช้งานอย่างไร ดังนั้นท่านจึงไม่ไปนั่งบนโต๊ะ หรือนำอาหารไปวางตรงบนเก้าอี้ พระอริยบุคคลท่านก็รู้ว่าสิ่งที่สมมติเรียกกันว่าโต๊ะหรือเก้าอี้นั้นแท้จริงแล้วนั่นคืออะไร เวลาที่พระอริยบุคคลกระหายน้ำ ท่านก็ดื่มน้ำตามปกติ ไม่มีทางที่ท่านจะกล่าวว่าน้ำนี้ไม่ใช่ความจริง แต่ท่านรู้ว่าความจริงของน้ำคืออะไร ดังนั้นเราไม่ควรติดอยู่กับคำสมมติที่เรียกกัน เพราะไม่มีอยู่จริง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเข้าใจปรมัตธรรม เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง

問: 雖然我們知道究竟真相,但也不能否定表象,不能否定想像出來的故事是什麼都沒有的。

ผู้ถาม: ถึงแม้ว่าเราจะรู้ความจริงของปรมัตธรรม แต่ก็ไม่ควรที่จะไปกำหนดกะเกณฑ์ว่าสิ่งที่คิดหรือเรื่องราวต่างๆ ไม่มีอยู่จริง

Sarah: 現在什麼是存在的?

ซาร่า: ขณะนี้อะไรมีอยู่จริง?

問: 都是暫時存在的,不可能永久。

ผู้ถาม: ทั้งหมดมีอยู่เพียงชั่วขณะ ไม่ได้ตั้งอยู่ถาวร

Sarah: 現在什麼是暫時存在的?

ซาร่า: ขณะนี้มีอะไรที่มีอยู่เพียงชั่วขณะ?

問: 色身。

ผู้ถาม: รูปกาย

Sarah: 什麼是色身?

ซาร่า: อะไรคือรูปกาย?

問: 是地水火風組成的色法加上名法才能行動。

ผู้ถาม: ดิน น้ำ ไฟ ลม รูปที่ประชุมรวมกัน รวมถึงนามธรรม จึงได้มีการขยับเขยื้อนไปมาได้

Sarah: 在碰觸身體的那一刻是什麼被碰到呢?

ซาร่า: ขณะที่สัมผัสกับร่างกายขณะนั้นมีอะไรกระทบที่กาย?

問: 土元素。

ผู้ถาม: ธาตุดิน

Sarah: 在碰的那一刻是土元素的軟或硬被碰到還是身體被碰到?

ซาร่า: ขณะที่กระทบที่เป็นธาตุดินนั้น คืออ่อนหรือแข็งหรือว่าเป็นร่างกายที่กระทบ?

問: 土元素形成身體,土元素是身體的一部份。碰身體時是軟硬被碰到,那時候有身體,但如果是碰桌子的時候就不會有身體。

ผู้ถาม: ธาตุดินรวมตัวเป็นร่างกาย ธาตุดินเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ขณะที่กระทบกับร่างกายนั้นเป็นอ่อนหรือแข็งที่ถูกกระทบ ขณะนั้นมีร่างกาย แต่หากว่าขณะที่กระทบกับเก้าอี้ก็ไม่มีร่างกาย

Sarah: 我們活在一個充滿幻相的世界:人,身體,房子和椅子…。 因為不暸解在碰觸的那一刻其實就只是法的軟或硬,冷或熱的特徵被碰觸到,因此就會認為碰到的是手臂的軟硬。 一直都是有個手臂,有個別人,有個房子,但事實上被經驗到的就只是法。

ซาร่า: เราอยู่ในโลกของมายา มีคน ร่างกาย บ้าน และเก้าอี้ เพราะไม่เข้าใจ ในขณะที่กระทบ ความจริงเป็นเพียงธัมมะที่มีลักษณะที่อ่อนหรือแข็ง เย็นหรือร้อนที่กระทบ เพราะเหตุนี้จึงเข้าใจผิด ว่าสิ่งที่กระทบ คือแขนที่อ่อนหรือแข็ง ยังคงมีแขน มีผู้คน มีบ้านเรือน แต่ความจริงเป็นเพียงธรรมะที่กำลังปรากฎ เป็นเพียงธัมมะที่กำลังรู้

Ajhan Sujin: 眼識 (那個去看的) 會坐在椅子上嗎?

อ.สุจินต์: จิตเห็น (สภาพที่กำลังเห็น) สามารถนั่งอยู่บนเก้าอี้ไหม?

問: 不會。

ผู้ถาม: ไม่ได้

Ajhan Sujin: 那坐在椅子上的是什麼?

อ.สุจินต์: แล้วสิ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้คืออะไร?

問: 是我們的色身。

ผู้ถาม: เป็นรูปกายของเรา

Ajhan Sujin: 只要我們還認為有個身體在坐或是有個椅子的時候,已經是各種的故事了。 那個我們說的身體它究竟是什麼?

อ.สุจินต์: หากว่าเรายังเข้าใจว่ามีร่างกายนั่งหรือมีเก้าอี้อยู่ นั่นหมายความว่าเป็นเรื่องราวไปแล้ว ที่เราเรียกว่าร่างกาย จริงๆ แล้วคืออะไร?

問: 是地水火風的組成

ผู้ถาม: คือ ดินน้ำไฟลมที่ประชุมรวมกัน

Ajhan Sujin: 我們一次一個字就好。

อ.สุจินต์: เรากล่าวทีละหนึ่งทีละคำก็พอ

問: 眼根。

ผู้ถาม: ตา

Ajhan Sujin: 眼根可以坐在椅子上嗎?

อ.สุจินต์: ตาสามารถไปนั่งบนเก้าอี้ได้ไหม?

問: 不可以。

ผู้ถาม: ไม่ได้

Ajhan Sujin: 那是什麼坐在椅子上?

อ.สุจินต์: แล้วเป็นอะไรที่นั่งอยู่บนเก้าอี้?

問: 身體,身體有很多部位,我們不可能把頭坐在椅子上。

ผู้ถาม: ร่างกาย ร่างกายมีตั้งหลายส่วน เป็นไปไม่ได้ที่เราจะเอาศีรษะไปนั่งบนเก้าอี้

Ajhan Sujin: 坐在椅上的是身體哪一部位?

อ.สุจินต์: เป็นส่วนใดของร่างกายที่นั่งบนเก้าอี้?

問: 骨骼,骨骼屬於地水火風的地。

ผู้ถาม: โครงกระดูก กระดูกก็เป็นส่วนหนึ่งของดินน้ำไฟลม

Ajhan Sujin: 那”地”的特徵是什麼?

อ.สุจินต์: ถ้าอย่างนั้น "ดิน" มีลักษณะอย่างไร?

問: 是堅硬。

ผู้ถาม: แข็ง

Ajhan Sujin: 硬 (土元素) 能坐在椅子上嗎?

อ.สุจินต์: แข็ง (ธาตุดิน) สามารถนั่งบนเก้าอี้ได้ไหม?

問: 可以,看它處於何種環境。

ผู้ถาม: ได้ แต่ก็ต้องดูว่าเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน

Ajhan Sujin: 土元素硬的特徵可以改變嗎?

อ.สุจินต์: ลักษณะที่แข็งของธาตุดินเปลี่ยนได้ไหม?

問: 會改變的,就像車子和人身體的硬是不一樣的。

ผู้ถาม: เปลี่ยนแปลงได้ ดังเช่นความแข็งของรถยนต์กับความแข็งของร่างกายมนุษย์ก็ต่างกัน

Ajhan Sujin: 不管車子的硬還是身體的硬,這個硬可以被看到嗎?

อ.สุจินต์: ไม่ว่ารถยนต์ที่แข็งหรือร่างกายที่แข็ง แข็งอันนี้ถูกมองเห็นได้ไหม?

問: 可以,因為當我們看到一條鐵絲跟鋼柱時,我不用去碰就可以知道哪一個比較硬。

ผู้ถาม: ได้ เพราะว่ายามที่เรามองเห็นเส้นลวดกับเสาเหล็ก เราไม่จำเป็นต้องไปสัมผัส เราก็สามารถรู้ได้ว่าสิ่งใดแข็งกว่ากัน

Ajhan Sujin: 看起來知道哪個比較硬是在想的時候,硬是不能被看到的,硬只能被身體感官門碰觸到。硬 (土元素) 能坐在椅子上嗎?

อ.สุจินต์: มองเห็นแล้วรู้ว่าสิ่งใดแข็งกว่ากัน ขณะนั้นคือคิด แข็งไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ แข็งจะปรากฎได้เพียงทางกายเท่านั้น แข็ง (ธาตุดิน) สามารถนั่งบนเก้าอี้ได้ไหม?

問: 可以,沒有硬就不能坐在椅子,就整個癱軟了。

ผู้ถาม: ได้ ถ้าไม่มีแข็งก็ไม่อาจนั่งตรงเก้าอี้ได้ คงอ่อนปวกเปียกไปหมด

Ajhan Sujin: 所以枕頭可以坐在床上嗎?

อ.สุจินต์: ดังนั้น หมอนนั่งอยู่บนเตียงได้ไหม?

問: 你可以說它是躺著還是坐著都可以。

ผู้ถาม: จะกล่าวว่าหมอนเขานอนเอนอยู่ตรงนั้นหรือนั่งอยู่ตรงนั้นก็ได้

Ajhan Sujin: 桌子上的東西都可以坐在桌上嗎?

อ.สุจินต์: บนโต๊ะ มีของนั่งอยู่บนโต๊ะได้ไหม?

問: 可以。

ผู้ถาม: ได้

Ajhan Sujin: 我們可以根據我們的生活經驗這麼認為,但佛陀教導所要教導我們的究竟真相到底是什麼才是最重要的。

อ.สุจินต์: เรามักจะเข้าใจตามในชีวิตประจำวันที่เราประสบพบเจอ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเพื่อให้เรารู้ความจริง สิ่งที่สำคัญ คือเข้าใจความจริงถึงที่สุด



敬感恩阿姜舒淨 (Ajhan Sujin Boriharnwanaket) 的恩惠
น้อมเคารพในคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

謹以此施法之功德與我們在輪迴裡每一世的父母 師長 同修 親友 仙人 各位讀者及其他一切眾生分享
กุศลในการนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศแด่บิดามารดาในทุกภพทุกชาติ ครูบาอาจารย์ ญาติมิตรสหาย เทวดา และผู้อ่าน รวมถึงสัตว์ทั้งหลาย

By line group Just Dhamma

หมายเหตุ

ที่มา : การสนทนาธรรมออนไลน์ระหว่างท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กับ ชาวจีน

สรุปใจความภาษาจีน โดย 陳品彤 เฉินผิ่นถง (คุณแพท)
แปลภาษาไทย โดย คุณปาล สว่างพัฒนกุล (黃如蓮)


อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... บทความแปลภาษาจีน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 2 ธ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
lokiya
วันที่ 2 ธ.ค. 2564

ลึกซึ้งมาก คนที่ไม่เคยศึกษาอภิธรรมไม่มีทางเข้าใจ ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
มังกรทอง
วันที่ 22 ม.ค. 2565

มีอยู่จริง”แปลว่าอะไร? ภูเขามีลักษณะอะไรที่สามารถถูกรู้ได้ไหม? หรือว่าภูเขาเป็นเพียงคำอธิบายถึงลักษณะนั้นเพื่อง่ายต่อการสื่อสาร? อะไรทำให้ภูเขาเป็นภูเขา? ธรรมะมีลักษณะเฉพาะแต่ละอย่าง เป็นสิ่งที่ถูกรู้ได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อกระทบสัมผัสกับสิ่งที่ร้อนมาก นั่นคือกายวิญญานจิต คือสภาพรู้ทางกายที่กำลังกระทบตรงธาตุไฟ เช่นเดียวกันกับเมื่อกระทบกับสิ่งที่เย็น ก็กำลังกระทบตรงธาตุไฟเหมือนกัน ดังนั้นไม่ว่าจะร้อนหรือเย็น ลักษณะที่เย็นหรือร้อนนั้นปรากฏให้รู้ได้ทางกายเป็นเพียงลักษณะของธาตุไฟเท่านั้น น้อมกราบอนุโมนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ