สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงหรือไม่

 
piroon
วันที่  3 ธ.ค. 2564
หมายเลข  41625
อ่าน  693

บ่อยครั้งที่เราสะสมการสักการะบูชา อ้อนวอนขอพร ขอบารมีจากวัตถุต่างๆ ที่เชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของคำว่า "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" เช่น พระพุทธรูป อนุสาวรีย์บูรพกษัตริย์ ศาลพระภูมิ ศาลเจ้าที่ หรือบรรพบุรุษที่ตายไปแล้ว ฯลฯ โดยมีคำพูดที่ฝังลึกว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" เพราะอาจจะมีจิตวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วซึ่งอยู่ในภพภูมิของเทพยดา สามารถดลบันดาลให้เป็นไปตามอำนาจของฤทธิ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวได้

#ควรหรือไม่ที่จะยังคงไม่ลบหลู่ความเชื่อแบบนั้น..เพราะสิ่งสักดิ์สิทธิ์อาจมีจริง???


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 4 ธ.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ในพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของเหตุผล ความจริง ที่ไม่เชื่อ เพราะความจริงไม่ใช่เป็นอย่างนั้น จึงไม่ลบหลู่ แต่ปฏิเสธในสิ่งที่ไม่จริง ด้วยความจริงอันเกิดจากปัญญา ความเห็นถูกเป็นสำคัญนั่นเอง ครับ ขณะนั้นเป็นกุศลที่เข้าใจถูก จะไม่นำมาซึ่งสิ่งที่ไม่ดี อันเกิดจากความเห็นถูก ที่ปฏิเสธในสิ่งที่เป็นความเชื่อผิดเลย เพราะกุศลย่อมให้ผลในสิ่งที่ดีเท่านั้น ขออนุโมทนา ครับ

การจะได้รับสิ่งที่ดี ได้รับผลของกรรมที่ดี ต้องมีเหตุ ดังนั้นเหตุที่จะได้รับสิ่งที่ดีที่เป็นผลของกรรมดี ได้รับการช่วยเหลือ เป็นต้น เพราะกรรมดีที่เป็นกุศลกรรมที่ได้ทำมา ให้ผลนั่นเองครับ ดังนั้นจึงไม่ใช่เกิดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือดลบันดาล ให้เราได้รับสิ่งที่ดี หากไม่มีกรรมดีที่ทำมาแล้ว ก็จะไม่มีทางได้รับสิ่งที่ดีได้เลย เพราะการช่วยเหลือหรือการได้รับสิ่งที่ดี ที่เป็นผลของกรรมดี เหตุจะต้องตรงกับผลคือเกิดจากการกระทำที่ดีนั่นเองที่เป็นเหตุครับ

ดังนั้น สิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถที่จะมีใคร มีสัตว์ บุคคล บันดาลให้ ไม่มี เพราะมีแต่ สภาพธรรม ที่เป็น จิต เจตสิก และรูปที่เกิดขึ้นเป็นไป ไม่มีสัตว์ บุคคล เมื่อไม่มีสัตว์ บุคคล ก็ไม่มีใครบันดาลและไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัตว์ บุคคลด้วย เพราะฉะนั้น ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ที่เป็นไปตามสัจจะ ความจริง ศักดิ์สิทธิ์ไม่เปลี่ยนแปลง คือ ทำดีก็ย่อมได้รับผลดี ทำชั่วก็ได้รับผลชั่ว การได้รับการช่วยเหลือ ได้รับสิ่งที่ดี ก็เพราะการทำดีเป็นปัจจัยนั่นเองครับ ดังนั้น กรรมต่างหากที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะแม้เทวดา พรหมที่คิดว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่พ้นไปจากกรรม และตัวเทวดาเองและพรหมเอง ก็ต้องได้รับผลของกรรมที่ตัวเองทำมา ไม่สามารถบันดาลให้ตัวเองไม่ตาย ได้รับผลของกรรมดีได้ตลอด เพราะเป็นไปอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของกรรม ไม่ใช่เพราะของตัวเองครับ จึงไม่ใช่พรหมลิขิต ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัตว์ บุคคล แต่เป็นกรรมลิขิต คือ สัตว์ทั้งหลายเป็นไปตามกรรม ครับ

คำว่า ศักดิ์สิทธิ์ โดยทั่วไปหมายถึง สิ่งน่าควรศรัทธา น่าเชื่อถือ และนำมาซึ่งสิ่งที่ควรได้ ซึ่งในพระไตรปิฎกก็มีใช้คำนี้เช่นกันครับ

แสดงโดย ใช้กับความเห็นผิดที่มีคนบูชา จอมปลวก ต้นไม้ ที่สำคัญว่า ศักดิ์สิทธิ์ คือ น่าเลื่อมใส น่าเคารพ และจะนำสิ่งที่ดีๆ มาให้ เพราะในความเป็นจริง ต้นไม้ จอมปลวก ไม่รู้อะไรเลย ไม่ได้มีความศักดิ์สิทธิ์ที่จะนำมาซึ่งความเลื่อมใส น่าศรัทธา และจะนำมาซึ่งสิ่งที่ดีๆ ที่ได้ตามปรารถนา ครับ นี่คือ การแสดงโดยนัย ความศักดิ์สิทธิ์ประการหนึ่ง ที่ใช้ในความเห็นผิดในพระไตรปิฎก

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑- หน้าที่ 436

เหมือนอย่างที่ว่า จอมปลวก พระเจดีย์ และต้นไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น คนบางพวกบูชาด้วยดอกไม้ของหอม ธูปและผ้า เป็นต้น


อีกนัยหนึ่ง แสดงคำว่า ศักดิ์สิทธิ์ไว้ ที่หมายถึง การที่ควรเคารพ น่าเชื่อถือ น่าเลื่อมใส ดังเช่น เทพธิดา ผู้มีฤทธิ์ มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นผู้ที่ควรเคารพในคุณความดีที่ได้ทำให้เกิดเป็นเทวดา แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่จะบันดาลอะไรมาให้ เพราะฉะนั้น ความศักดิ์สิทธิ์ในพระไตรปิฎก จึงมุ่งหมายถึง สิ่งที่ควรเคารพ น่าเลื่อมใส ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 4 ธ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 4 ธ.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอเชิญฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
(พร้อมอ่านถอดคำบรรยาย) ได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ ครับ

แนวทางเจริญวิปัสสนา แผ่นที่ ๑๑ (ครั้งที่ 601-660)

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ทรงศักดิ์
วันที่ 6 ธ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Sea
วันที่ 6 ธ.ค. 2564

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ