การที่พระพุทธองค์ แสดงผลของบุญที่ทำให้ได้ขึ้นสวรรค์ จะทำให้เกิดการยึดติดในบุญหรือไม่?
คำถามจาก ณัฐวัสส์ จารุรัตนพงศ์
สมาชิก Line OpenChat ชมรมบ้านธัมมะ มศพ.
เหตุใดพระพุทธเจ้าจึงตรัสเรื่องนรกสวรรค์ โดยเฉพาะสวรรค์ ผลของบุญที่ส่งผลให้เกิดในสวรรค์ชั้นต่างๆ ทำให้ผู้ที่เข้าใจผิดยึดติดการทำบุญเผื่อจะได้ขึ้นสวรรค์
ขอบคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมของพระพุทธเจ้าทรงแสดงความจริง ตามหลักเหตุและผล เช่น กรรมมี ผลของกรรมก็มี ทรงแสดงว่า กรรมดีเมื่อให้ผล ย่อมให้ผลดี ไม่ให้ผลชั่ว มีการเกิดในสุคติภูมิ มีสวรรค์ เป็นต้น และได้เห็น ดี ได้ยิน ดี เป็นต้น ตรงต่อความจริง สัจจะ ไม่เปลี่ยน เพื่อให้มีปัญญาในความเชื่อกรรมและผลของกรรม ส่วนสัตว์โลก จะติดข้องในบุญ ผลของบุญ การเกิดในสวรรค์ นั่นเป็นธรรมดาของโลภะที่ติดข้องทุกอย่าง ยกเว้นโลกุตตรธรรม ไม่แสดงเรื่องนี้ ก็ไปติดเรื่องอื่น แม้ไม่ฟังพระธรรม ไม่สนใจพระธรรม ก็ติดข้องสิ่งต่างๆ อยู่แล้ว แค่ลืมตาก็ติดข้องแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นเลย กิเลสจึงหนาแน่น เกิดเป็นประจำ และทั้งหมด โลภะที่เกิดเป็นธรรมไม่ใช่เราที่ติดข้อง ครับ เพราะฉะนั้นทรงแสดง ว่า กุศลมี ผลของกุศลย่อมมี และผลของกุศลคืออะไร อันเป็นความจริงไม่เปลี่ยนแปลง ครับ เพื่อให้พุทธบริษัท ที่บางท่านสะสมความเข้าใจถูกมา ก็เข้าใจถูก ตามหลักของกรรมนั่นเอง ครับ
และที่พิจารณาอีกประการหนึ่ง อนุปุพพิกถา คือ เทศนาที่ทรงแสดงตามลำดับ เพื่อชำระจิตของผู้ฟังให้ผ่องใสก่อนที่จะทรงแสดงอริยสัจจ์ คือ เริ่มตั้งแต่เรื่องทาน ศีล อานิสงส์ของทาน ศีล ทำให้เกิดบนสวรรค์ จากนั้นแสดงโทษของกาม คุณของเนกขัมมะ ต่อจากนั้นทรงแสดงอริยสัจจธรรม ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ดังนั้น พระองค์ทรงแสดงผลของกุศล การเกิดในสวรรค์ และก็แสดงความจริงต่อด้วยว่า สิ่งเหล่านั้นก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาอย่างไร เพื่อให้พุทธบริษัทเกิดปัญญาความเข้าใจถูก ตามลำดับนั่นเองครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทรงแสดงตามความเป็นจริง ให้ผู้ฟังผู้ศึกษาได้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นปัญญาของตนเอง แม้แต่ในเรื่องทาน และ ผลของทาน พระองค์ก็ทรงแสดงไว้มาก ทั้งหมดเพื่อความเข้าใจถูก ตรงตามเหตุตามผล ไม่ใช่เพื่อติดข้องต้องการในผลของทาน
ทาน เป็นเรื่องของการให้ ไม่พ้นจากจิต เจตสิกที่เกิดขึ้นเป็นไปในกุศล การให้วัตถุสิ่งของเพื่อประโยชน์สุขแก่บุคคลอื่น เป็นอามิสทาน หรือ วัตถุทาน นั้น ก็เพื่อขัดเกลาละคลายกิเลสของตนเอง ไม่ใช่ด้วยความหวังความต้องการ ติดข้องในผลของทาน ซึ่งจะเห็นได้ว่า ถ้ากุศลจิตไม่เกิดขึ้นเลย ไม่มีการขัดเกลาเลย แล้วจะดำเนินไปถึงการดับกิเลสได้อย่างไร ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...