ชาติหน้าอาจจะเป็นเย็นนี้หรือพรุ่งนี้ก็ได้

 
khampan.a
วันที่  14 ธ.ค. 2564
หมายเลข  41729
อ่าน  888

หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๕๙๘]

ชาติหน้าอาจจะเป็นเย็นนี้หรือพรุ่งนี้ก็ได้


การศึกษาพระธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะเหตุว่าเป็นการอบรมเจริญปัญญาเพื่อขัดเกลาชำระกิเลส เพราะว่ากิเลสอยู่ในจิตแน่นหนามาก และก็เพียงแค่เราฟังธรรมเล็กๆ น้อยๆ นิดๆ หน่อยๆ แต่ละชาติไม่พอ เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้จริงๆ ว่าวาจาสัจจะ (คำจริง) พระธรรมที่ทรงแสดงทั้งหมดมีค่าประมาณไม่ได้เลย ที่สามารถจะทำให้กิเลสซึ่งอยู่ในใจหาทางออกไปให้ดับหมดไม่ได้เลยถ้าไม่มีการได้เข้าใจพระธรรม เพราะฉะนั้นการได้เข้าใจพระธรรมแต่ละชาติที่สะสมก็จะทำให้ค่อยๆ ละคลายความไม่รู้ แต่ไม่ใช่ไปหวังว่าเมื่อไหร่จะหมดกิเลส หวังอย่างไร แสนโกฏิกัปป์มาแล้วที่อวิชชาและกิเลสทั้งหลายสะสมทุกวัน วันนี้มีหรือเปล่า? มี เมื่อวานนี้ก็มี พรุ่งนี้มีอีกไหม? ก็มี แต่ว่าในขณะเดียวกัน ก็มีการอบรมเจริญหนทางที่จะทำให้กิเลสนั้นๆ ค่อยๆ เบาบาง ค่อยๆ ขจัดออกไปทีละเล็กทีละน้อยจนกว่าจะดับหมดสิ้น ด้วยความมั่นคงในการที่เห็นประโยชน์ว่าตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ สุขหรือเปล่า?

เกิดมาถ้าพิจารณาจริงๆ แล้วจะเห็นได้เลย ไม่รอดถ้าไม่ดำรงรักษาชีวิตอย่างเต็มความสามารถ การเจ็บป่วยแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้ถึงสิ้นชีวิตได้ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้ว ชีวิตง่อนแง่น ไม่มีอะไรที่จะประกันได้ เพราะเหตุว่าเพียงแค่จิตขณะนี้ดับ สิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้แต่ก็มีจิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อ ไม่มีใครสามารถที่จะไปหยุดยั้งจิตซึ่งจะต้องเป็นอย่างนี้ เป็นธรรมดา เป็นธรรมที่จะต้องเกิดดับสืบต่อพร้อมทั้งกิเลสที่สะสมมาด้วย เพราะฉะนั้นกิเลสที่ได้สะสมมาแล้วมาก กำลังสะสมก็มี หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็เป็นผู้ที่มั่นคงอย่างยิ่งในการที่จะเห็นประโยชน์ของการได้ฟังธรรม ได้เข้าใจธรรมเท่าที่สามารถที่จะเป็นไปได้ เพราะเหตุว่าก็กล่าวถึงอีกแล้ว ชาติหน้าอาจจะเป็นเย็นนี้ พรุ่งนี้ หรือเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วจะอยู่ที่ไหน แล้วมีโอกาสที่จะได้ฟังหรือเปล่า

เพราะฉะนั้นสำคัญที่สุดก็คือฟังธรรมเพื่อเข้าใจธรรม ธรรมไม่ใช่เราแน่นอน มีปัจจัยเกิดบังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นกุศลอกุศลใดๆ ทั้งสิ้น มากน้อยอย่างไรก็ตาม ก็ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัย เพราะฉะนั้นการฟังที่ได้สะสม ก็จะเป็นอุปนิสสยโคจร (อารมณ์ที่เป็นที่อาศัยที่มีกำลัง) เพราะเหตุว่าอารมณ์ของจิตมีได้ทุกอย่างทุกวัน แต่ว่าอุปนิสสยโคจร กล่าวเฉพาะอารมณ์ที่ควรจะเป็นอุปนิสัยที่มีกำลังจากการค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อยสะสมจนกระทั่งมั่นคงไม่ทอดทิ้งไปหาอารมณ์อื่น คือ เมื่อไหร่ที่มีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ก็ลองเปรียบเทียบดู มีความมั่นคงที่จะฟังไหม เพราะว่าโอกาสที่จะได้ฟัง บางครั้งอาจจะไม่มี อาจจะมีธุระมีเหตุจำเป็น หรือมีอะไรก็ได้เป็นเครื่องขัดขวาง เพราะฉะนั้นก็เข้าใจว่า จริงๆ แล้ว ถ้าไม่มีธรรมฝ่ายกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา ชีวิตก็จะเป็นอย่างนี้แหละ แล้วก็แต่ละขณะไม่กลับมาอีกเลย เพราะฉะนั้นขณะที่กำลังฟังธรรม เป็นขณะที่มีค่าที่สุดสำหรับผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม เพื่อความเข้าใจ

เพราะฉะนั้นทั้งหมดที่ฟัง เพื่อความเข้าใจค่อยๆ สะสม ไม่ใช่สะสมเรื่องราวด้วยความเป็นตัวเรา ด้วยความเป็นตัวตน แต่เพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ตามปกติตามความเป็นจริง ยากไหม? เข้าใจอื่นง่ายกว่ามาก แต่ถ้าจะเข้าใจสิ่งที่เดี๋ยวนี้กำลังปรากฏซึ่งไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรมซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้และทรงแสดง ความลึกซึ้งความละเอียดต้องมาก เพราะฉะนั้นเป็นไปเพื่อการละความไม่รู้


กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 14 ธ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ