รู้สึกผิดต่อลูกแมวที่หาบ้านให้
เคยหาบ้านให้ลูกแมวที่เกิดกับแม่แมวจร และพาไปส่งที่คนรับเลี้ยงอีกจังหวัด จำภาพได้ว่าลูกแมวน่ารักมากนอนในตะกร้าไป ไม่ร้อง ไม่บ่น เจ้าของใหม่ส่งภาพกลับมาเมื่อลูกแมวถึงบ้านใหม่ ลูกแมวดูมีความสุขมาก วิ่งเล่นลูกบอล
ต่อมาได้ติดต่อกลับไปที่เจ้าของใหม่ว่าแมวเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าของบอกว่าลูกแมวถูกหมากัดตาย เจ้าของคนใหม่กล่าวขอโทษมา
ตัวเองรู้สึกสงสารแมวน้อยมากค่ะ รู้สึกผิด เหมือนกับพาเค้าเดินทางข้ามจังหวัดหลายชั่วโมง เพื่อพาเค้าไปตาย จำแต่ภาพที่เค้านอนเรียบร้อยในตะกร้าระหว่างเดินทาง และภาพที่ไปถึงบ้านใหม่คืนแรก (เจ้าของส่งมาให้ดู) ที่กำลังเล่นสนุกกับลูกบอล แล้วสงสารที่สุดค่ะ คิดว่าเค้าได้ชีวิตใหม่ ได้บ้านที่ดีแล้ว แต่ก็มาเสียตอนอายุน้อย
ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ว่าเราควรวางใจอย่างไร ขอบพระคุณมากค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ซึ่งสำหรับเรื่องที่กล่าวมา ไม่ได้เป็นบาป เพราะไม่ได้มีเจตนาทำร้าย ไม่ได้มีเจตนาเบียดเบียนแต่อย่างใด ส่วนสัตว์จะตาย หรือไม่ตายนั้นก็ตามกรรมของสัตว์ตราบใดที่ยังมีกิเลส ก็ยังจะต้องมีทุกข์เป็นธรรมดา ไม่ว่าใคร หรือ บุคคลใด ผู้ที่ไม่ทุกข์อีกเลย คือ ผู้ที่ดับกิเลสจนหมดสิ้น เพราะฉะนั้น หนทางที่ถูก ที่จะแก้ทุกข์ คือ เข้าใจทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา อยู่กับความทุกข์ด้วยความเข้าใจ เข้าใจว่าจะต้องทุกข์ วิธีแก้ทุกข์ จะต้องมีปัญญาความเข้าใจถูก ซึ่งปัญญาจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม จากพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง
ซึ่งควรพิจารณาความจริงว่า สัตว์แต่ละชีวิตก็มีกรรมเป็นของๆ ตน สัตว์ตายหรือใครจะตายก็เพราะ กรรมของตนเอง ไม่มีใครจะสามารถทำให้ใครตายได้ เมื่อสัตว์เกิด สุนัขเกิด ก็มาด้วยกรรมของสัตว์นั้นเอง และ เมื่อตายก็ตายด้วยกรรมของสัตว์ต่างคนต่างมา ต่างคนก็ต่างไป ที่สำคัญที่สุด เมื่อสัตว์ตายแล้วก็ต้องเกิดทันทีเพราะฉะนั้น สุนัขที่ตายไปแล้ว ก็เกิดแล้ว เขาก็อาจเกิดในสถานที่ดีๆ ควรจะเศร้าโศก ถึงสัตว์ สุนัข ที่ไปในสถานที่ หรือ เกิดในที่ดีแล้วหรือไม่
หากจะเศร้าโศกถึงสัตว์ที่จากไป ก็ควรคิดถึงตนเองที่จะต้องจากไป ดังเช่นสัตว์นั้น ควรที่จะไม่ประมาทในชีวิต ที่จะศึกษาธรรม อบรมปัญญา ในช่วงเวลาที่มีชีวิตที่เหลือน้อย ความตายก็ใกล้มาทุกขณะ ความตายของผู้อื่น ย่อมเป็นเครื่องเตือนให้น้อมเข้ามาในตนว่า ควรใช้ชีวิตที่ไม่ประมาท สิ่งที่ติดตัวไปได้ คือ ความดี และความไม่ดี แต่สิ่งที่เป็นที่พึ่ง คือ กุศล บุญที่กระทำ และสัตว์ หรือ ญาติที่เสียชีวิตไป สิ่งที่เป็นประโยชน์กับเขา คือ ไม่ใช่ความเศร้าโศกของเรา แต่ คือ การทำบุญ อุทิศส่วนกุศลไปให้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้รับ คือ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เมื่อเราไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าหรือไม่มีเจตนาที่จะเบียดเบียนเขา บาปสำหรับเรา ย่อมไม่มี
ที่น่าพิจารณา คือ สภาพธรรมเกิดเพราะเหตุปัจจัยจริงๆ ชีวิตประจำวันจึงไม่พ้นไปจากธรรม ขณะที่เศร้าโศกเสียใจมีจริงๆ เป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น บุคคลผู้ที่ยังมีความเศร้าโศกอยู่นั้นก็เพราะยังมีกิเลส ยังมีความติดข้อง ยินดีพอใจ ยังมีอวิชชาอยู่ จึงต้องมีความเศร้าโศกเป็นธรรมดา เมื่อมีความติดข้อง ผลที่ตามมาคือ ความเศร้าโศกเสียใจเมื่อสิ่งที่ติดข้องนั้นพลัดพรากจากไป แต่เมื่อได้อาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ย่อมจะทำให้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน และเป็นความจริงที่ว่าขึ้นชื่อว่าสัตว์โลกแล้ว ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า ด้วยกันทั้งนั้น เมื่อมีชาติ ชราย่อมติดตาม พยาธิก็ครอบงำและท้ายที่สุดก็ถูกมรณะคือความตายห้ำหั่น ไม่มีใครรอดพ้นได้เลย
จากกรณีการตายของสัตว์อื่น ของคนอื่น ก็สามารถพิจารณาได้ว่า ในที่สุดเราก็จะตายเหมือนกัน ไม่ใช่ตายแต่คนอื่น ก็จะเป็นเครื่องเตือนใจตนเองอยู่เสมอ เพื่อเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต ไม่ประมาทกำลังของอกุศล และไม่ประมาทในการเจริญกุศล ซึ่งรวมถึงการอบรมเจริญปัญญาเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งๆ ขึ้นไปด้วย เพราะเมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตในภพนี้ชาตินี้มาถึง ต้องบ่ายหน้าไปสู่ความตาย ไม่มีใครสามารถที่จะขอร้อง หรือผัดเพี้ยนได้เลย ครับ.
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ตอนนี้รู้สึกผิดคะ เอาแมวจรมาเลี้ยง กะจะเลี้ยงตัวเดียวพอมีกำลังทรัพย์ที่จะดูแลได้ อยู่ดีๆ น้องมีลูก เราเลี้ยงไม่ไหว เลยต้องหาบ้านให้ลูกแมว แต่แม่แมวเราเก็บไว้ อย่างนี้บาปมั้ยคะ พรากลูกพรากแม่เค้า
บาป คืออะไร ความไม่รู้เป็นบาปหรือไม่?
ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมก็จะไม่ทราบเลยว่า ขณะที่ไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมที่ต้องเกิดขึ้นเป็นไปนั้น ต้องมีความไม่รู้เกิดร่วมด้วย และขณะที่มีความติดข้อง หรือ ไม่สบายใจ เดือดร้อนใจก็เช่นกัน ยังเป็นเราเดือดร้อนใจ ขณะนั้น ด้วยความไ่รู้ความจริงของสภาพธรรม โมหะเจตสิกเกิดกับอกุศลธรรมทุกประเภท
ขณะที่หวั่นไหวกับความเป็นไปของสภาพธรรมที่ต้องเกิด และเกิดแล้ว และจะต้องเกิด ก็เพราะความไม่รู้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโทษของความไม่รู้ และความติดข้อง ความเดือดร้อนใจ ไว้มากมาย การได้ศึกษาพระธรรม เป็นประโยชน์ที่สุดที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
แมวไม่ได้เลือกเกิดจะเป็นแมว คนก็เช่นเดียวกัน ต้องมีเหตุที่ต้องเป็นไปเช่นนั้น
การที่หาบ้านให้น้องได้อยู่แล้ว ก็เป็นผลที่เขาจะต้องได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้กระทบสัมผัส ณ สถานที่นั้น
แม้เราเองก็เช่นกัน! วันนี้ เห็นดี ได้ยินดี แต่พรุ่งนี้ จะเห็นที่ไหน ได้ยินอะไร ที่ภพภูมิไหน ไม่ทราบล่วงหน้าเลย
พระปัจฉิมวาจาจึงตรัสว่า "จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม"
สิ่งใดที่เกิดไปแล้วก็เป็นไปแล้ว จัดการอะไรไม่ได้แล้ว ขณะที่คิดไม่สบายใจ ไม่เกิดประโยชน์ แต่สิ่งที่จะเป็นประโยชน์คือการฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญาเพื่อรู้ความจริงต่อไป เป็นหนทางที่ผู้ที่ตรัสรู้แสะทรงแสดงด้วยพระมหากรุณาต่อสัตว์โลกที่ยังไม่รู้ ให้ได้รู้ความจริง เช่น เกิดเป็นแมวด้วยผลของกรรมฝ่ายอกุศล เกิดเป็นมนุษย์ก็ต้องเป็นกรรมฝ่ายกุศลที่ให้ผล และการเกิดก็ยังต้องเป็นไปอีกนับไม่ถ้วนภพชาติไม่สิ้นสุดได้เลย ถ้าไม่รู้ความจริงที่ทรงแสดงถึงที่สุด
ดังนั้น โอกาสที่ประเสริฐของการเกิดเป็นมนุษย์ คือ สามารถฟังพระธรรมได้ อบรมเจริญปัญญาและเจริญกุศลได้ เพราะบุญที่สะสมมาแต่ปางก่อน เป็นขณะที่ประเสริฐยิ่ง จึงไม่ควรปล่อยเวลาล่วงเลยไปโดยที่ไม่รู้ความเป็นจริง
ยินดีที่ได้ศึกษาพระธรรมค่ะ