ผู้ที่ชอบแต่งตัวโป๊ ผิดศีลหรือไม่
การแต่งตัวโป๊ เป็นการกระทำที่ไม่เข้าข่ายผิดศีลข้อที่ ๓ แต่อย่างใด ตามพระวินัยบัญญัติพระพุทธองค์ทรงแนะนำสาวกทั้งหลายให้นุ่งห่มเรียบร้อยฉะนั้น การนุ่งห่มให้เรียบร้อย ตามคำแนะนำของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ดีงาม
สำหรับบางคน ที่ได้เห็นอย่างนั้น อาจเป็นเหตุให้เกิดความสลดใจก็ได้ หากอยู่ในฐานะที่จะตักเตือนได้ ควรสงเคราะห์ตามสมควรนะคะ.
การแต่งตัวโป๊ไม่ผิดศีลก็จริง แต่การแต่งตัว ก็มีส่วนบอกถึงนิสัยใจคอของคนได้ส่วนหนึ่ง และก็ดูความวิจิตรของจิตที่สะสมมาต่างกัน แม้แต่การเดิน การพูด บางคนเรียบร้อย บางคนไม่เรียบร้อย ฯลฯ และที่สำคัญการแต่งตัวก็เป็นไปตามยุคตามสมัย ตามการสะสมค่ะ
เพราะไม่เห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง ย่อมหลงยึดถือในสิ่งที่เห็นว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด สิ่งที่เห็นเป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฎทางตา สิ่งที่คิดนึกไม่ใช่สิ่งที่เห็น
ผู้ที่เจริญสติปัฏฐานเป็นนิจ พึงมนสิการในรูปที่เห็นตามกระทู้นั้น ว่าเป็นเพียงรูปธาตุที่มาประชุมรวมกัน เป็นเพียงสีสันวรรณะที่ปรากฏทางจักขุปสาท เป็นเพียงปฏิกูลที่ไม่น่าพึงพอใจ เป็นเพียงกระดูก ๓๐๐ ชิ้น ที่สั่นไหวไปด้วยจิต และตามความเห็นอื่นๆ ข้างต้นครับ เพื่อบรรเทาความติดข้อง หรือความไม่พอใจ ในรูป ที่ปรุงแต่งจิต ให้เกิดราคะ โทสะ โมหะ ได้
ผู้ที่หลงลืมสติ ย่อมหลงมัวเมา เกิดอิฏฐารมณ์ เกิดกำหนัด หรือเกิดความไม่แช่มชื่น เกิดอนิฏฐารมณ์ มีแต่ความประทุษร้าย ไม่มีเมตตา
พระพุทธพจน์
กระแสเหล่าใดมีอยู่ในโลก
สติเป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น เรากล่าวว่าสติเป็นเครื่องกั้นกระแส กระแสเหล่านั้นอันบุคคลปิดกั้นได้ด้วยปัญญา
ถ้ามีเจตนายั่วยุกามารมณ์ ดิฉันว่าผิดค่ะ คือ มีมโนกรรมนำทางไปยัง การเพิ่มหรือก่อให้เกิดอารมณ์ทางเพศ แต่งตัวโป๊ ถ้าเจตนายั่วก็เท่ากับว่า หว่านไปทั่ว เพราะตาที่ชายทั้งหลายเขามองเห็น คุณจะไม่ทราบเลยว่าเขามี ลูก เมีย คู่ครอง หรือไม่ แต่คิดว่า ศีลไม่ขาด แต่ขาดคุณธรรมและสติ อีกอย่างมโนกรรมทุจริตค่ะ
มโนกรรมมี ๓ คือ อภิชฌา จิตคิดเพ่งเล็งอยากได้สิ่งของของผู้อื่น พยาปาท จิตคิดเบียดเบียนประทุษร้าย มิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นผิด
การแต่งตัวโป๊ไม่ได้จัดอยู่ในมโนกรรมข้อไหนเลยนะคะ แต่เป็นอกุศลจิตแน่นอนคือโลภมูลจิต ถ้ามีความสำคัญตนในขณะนั้นด้วย ก็ประกอบด้วยมานะ ถ้าท่านไม่ได้ให้ความสนใจใส่ใจ ก็เป็นแต่เพียงสิ่งที่ผ่านตาไปเท่านั้น แต่เพราะเหตุว่า เห็นแล้วไม่ได้หยุดเพียงแค่เห็น ความนึกคิดปรุงแต่งไปต่างๆ นานา ตามการสะสมของแต่ละท่าน ถ้าเป็นผู้ชายเห็น โดยมากจะชอบ (ถ้าเป็นผู้ตรง) ถ้าเป็นผู้หญิงเห็น บางท่านไม่พอใจ ถ้าเป็นพระอรหันต์ เห็นแล้วไม่ได้ยินดี ยินร้าย เพราะฉะนั้นจะโทษใครถ้าไม่ใช่กิเลสของท่าน มนุษย์เราทุกวันนี้ก็มีความทุกข์มากพอกันอยู่แล้วนะคะ ไม่ควรเพิ่มทุกข์เพิ่มโทษให้กับคนอื่น ด้วยการตำหนิติเตียน ควรมีเมตตาต่อกัน (เขาคงมีความสุขในการแต่งตัวแบบนั้น และก็ไม่ได้เบียดเบียนใครไม่ใช่หรือ) อย่าปล่อยให้อกุศลกรรมของผู้อื่น เป็นเหตุให้อกุศลกรรมของท่านเจริญเลยนะคะ
เรื่องแบบนี้ไม่ได้โทษใครหรอกค่ะ เพราะอยู่ที่กิเลสของคนๆ นั้น แต่สังคมน่าจะช่วยกันป้องกันได้ สำหรับกรณีให้มองตามสภาพความเป็นจริงนั้น สำหรับคนในยุคปัจจุบัน จะมีสักกี่คนที่ปฏิบัติธรรมและเข้าใจธรรมะ มองเห็นเป็นรูปที่ปรากฎทางตา นั้นคงยาก ฉะนั้นหน้าที่ของพ่อแม่ควรอบรมดูแลเด็ก โดยปลูกฝังค่านิยมตามประเพณีไทยที่ต้องแต่งตัวให้เรียบร้อย การแต่งตัวแต่งตามแฟชั่นได้ แต่อย่าแต่งตัวล่อแหลม ยั่วยุกิเลสของคนอื่น เพราะจะก่อให้เกิดคดีข่มขืน ล่วงละเมินทางเพศ เช่นในสังคมปัจจุบัน เพราะทุกคนไม่ได้ปฏิบัติธรรมเหมือนกันหมด
ถึงจะบังคับยังไง กิเลสก็หาทางออกของเค้าจนได้ ถ้าไม่ต่อหน้าก็ลับหลัง ควรขัดเกลาที่จิตใจ มากกว่าไปบังคับ และถ้าเค้าไม่เชื่อฟัง วันใดวันหนึ่งเมื่อถูกภัยคุกคามมากๆ เขาก็จะเห็นโทษเอง
" We live and learn "
แต่งตัวเช่นไร ก็บอกถึง พฤติกรรม วุฒิภาวะ รวมถึงสติปัญญาของเขาเหล่านั้น ขอบคุณคะ<
ปุถุชนทั้งหลาย จิตย่อมยากที่จะพ้นจากการปรุงแต่ง
" เมตตาไม่มีประมาณ " สาธุทุกๆ ท่านครับ
ขออนุโมทนาครับ
เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก หมายความว่าคนที่มีเมตตาทำให้คนที่อยู่ร่่วมด้วยมีความสุขโลกก็ร่มเย็นสงบสุขค่ะ
เราไม่ได้บังคับ แต่ผู้ใหญ่หรือผู้ปกครอง ควรชี้แนะให้เห็น พูดด้วยเหตุผล ตั้งแต่เด็กยังเล็กๆ ให้เขาซึมซับสิ่งดีๆ เหมือนคำโบราณที่ว่า ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก การที่จะสอนหรือปลูกฝังค่านิยมต้องเริ่มตั้งแต่เล็กๆ เพราะเด็กจะเรียนรู้ได้ง่าย เด็กๆ ก็เหมือนผ้าขาว ถ้าเราปลูกฝังสิ่งที่ดีๆ และเขาเรียนรู้ได้ ก็จะติดตัวเขาไปตลอดชีวิต เหมือนดิฉันชอบพาเด็กเล็กๆ ไปเที่ยวที่วัดและไหว้พระ ตั้งแต่ประมาณ ๔ - ๕ ขวบ ปัจจุบันเด็กอายุประมาณ ๘ ขวบ เขาก็ชอบให้ดิฉันพาไปวัด ไปไหว้พระ ถ้าไปแล้วไม่เข้าไปไหว้พระ เขาจะเป็นฝ่ายชวนเราเองว่าต้องไปไหว้พระก่อนกลับ ในสภาพสังคมปัจจุบันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก แค่ให้เขาเข้าใจ รู้บ้างก็ยังดี การแต่วตัวโป๊ ก็ไม่ได้เป็นความผิด หรือผิดกฎหมายอะไร แต่เป็นเรื่องของวัฒนธรรม ที่เราน่าจะช่วยกันแก้ไข เท่าที่ทำได้ คงไม่ได้ใช้เป็นเครื่องตัดสินใครว่า จะดีหรือเลว ซึ่งผู้ใหญ่ควรเป็นผู้ชี้นำ ว่าสิ่งใดควรหรือสิ่งใดไม่ควร ตามความเหมาะสมและโอกาสต่างหาก
เห็นด้วยกับ คุณ oom ค่ะ ตั้งแต่เด็ก ก็มีคุณย่าพาไปฟังธรรมอยู่เสมอ สิ่งนี้ทำให้ติดตัวมาโดยตลอด ขอบคุณค่ะ
เหมือนกับกับคุณปลายฟ้าค่ะ ดิฉันก็คุณแม่จะพาไปวัดตั้งแต่เด็กๆ ไปทำบุญบ้าง ไปทอดกฐิน หรือผ้าป่าบ้างตามประเพณี ซึ่งดิฉันก็ได้ซึบซับมาตั้งแต่เด็กๆ จึงเป็นคนชอบมาในทางนี้ หรืออาจจะเป็นกุศลกรรมมาจากอดีตชาติด้วย ที่ทำให้เราใส่ใจในธรรมะ มาตั้งแต่เด็กๆ และอยู่ในแวดวงของการทำบุญมาตลอด จึงคิดว่าการปลูกฝังสิ่งต่างๆ ที่ดีให้กับสังคม ควรเริ่มที่เด็กๆ ก่อน
การแต่งตัวแต่ละแบบนั้นมันนานาจิตตัง เพราะเป็นเรื่องการสะสมมาซึ่งกรรมของแต่ละบุคคล และในสังคมต่างคนต่างมีหน้าที่ของตนเอง แตกต่างกันไปอย่างหลากหลายมาก เขาก็อาจมีหน้าที่การงานของเขาที่ต้องแต่งตัวเช่นนั้น หรือเป็นความพอใจที่สะสมมาเนิ่นนาน ส่วนการปลูกฝังเรื่องที่เหมาะควร และถูกต้องให้กับลูกหลานก็เป็นเรื่องสำคัญ ควรทำตั้งแต่เขายังเล็ก กับคนที่เขาพ้นวัยที่จะรับการอบรมชี้แนะจากใครๆ แต่โดยดีแล้ว ผู้ที่หวังดีคิดแนะนำหรือบอกกล่าวอะไร ก็คงต้องดูเรื่องของกาละเทศะ และสภาวะการณ์ของผู้ที่เราจะบอกเขาด้วย คำพูดยอดนิยมของทุกสถานการณ์และได้ยินบ่อยๆ คือ ทำใจ (ของตัวเราเอง) เถอะ