ที่ว่าไม่มีเรา คืออย่างไร
เมื่อฟังสนทานธรรมเรื่อยๆ มักได้ยินคำว่า ไม่มีเรา ผมเข้าใจว่า มีเราคือ ไม่รู้ ไม่เข้าใจถึงที่สุดในสภาพธรรมตามความเป็นจริงแต่ละหนึ่ง จนกระทั่งถึงความบรรสานสอดคล้องกันของแต่ละสภาพธรรม ทำให้ยังมีความคุ้นเคย เคยชิน เป็นนิสัย ที่จะคิด ทำ พูด อะไรต่ออะไร ด้วยความยึดถือว่าสามารถบัญชาดั่งใจได้ ตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนกระทั่งมาก รบกวนชี้แนะด้วยครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ค่อยๆ สะสมความเข้าใจว่าไม่มีเรา
ท่าน อ.สุจินต์ เริ่มค่อยๆ สะสมความเห็นที่ถูกต้องในความหมายของคำว่าอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล แล้วก็ลืมสิ่งที่ได้ยินได้ฟังไม่ได้ ได้ยินคำว่า “ทุกอย่างเป็นธรรม” ลืมไม่ได้ เพราะว่าอะไร ประเดี๋ยวก็ลืมแล้ว กลายเป็นเราเสียอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้สัญญาความจำที่มั่นคงก็คือความจำพร้อมด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องว่าทุกอย่างในขณะนี้เป็นธรรม คือเป็นสิ่งที่มีจริงแล้วก็มีลักษณะต่างกัน เป็นนามธรรมและรูปธรรมๆ ไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลย ส่วนนามธรรมเมื่อเกิดต้องรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นถ้าการฟังของเราเป็นไปตามลำดับที่จะเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ สามารถที่จะเข้าใจถึงลักษณะของจิตประเภทต่างๆ โดยการฟังว่าไม่ว่าเป็นจิตใดทั้งสิ้นก็ไม่ใช่เราเพราะเหตุว่าเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ปัญญามีหลายระดับ ตั้งแต่ขั้นการฟัง ขั้นคิด ขั้นรู้ความจริงจนดับกิเลส ดังนั้น การสะสมความเข้าใจว่าไม่มีเรามีแต่ธรรม ก็ต้องค่อยๆ สะสมไปทีละน้อย เริ่มจากขั้นการฟัง และ ก็สะสมต่อไป ธรรมจะทำหน้าที่เอง ไม่มีเราที่จะไปทำจัดการ ทั้งหมดเป็นธรรมและเป็นอนัตตา ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่มีเรา มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นไป แต่เพราะได้คุ้นเคยกับความเป็นเรา สะสมความไม่รู้มานานแสนนาน จึงหลงยึดถือว่ามีเรา มีตัวตน มีสัตว์ มีบุคคล หรือมีสิ่งต่างๆ กว่าจะค่อยๆ เข้าใจ ก็ต้องได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ค่อยๆ ไตร่ตรองในเหตุในผลตรงตามความเป็นจริง และต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานในการอบรมเจริญปัญญา ไม่ขาดการฟังพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...