กว่าที่จะได้ตรัสรู้ ทรงบำเพ็ญพระบารมีถึง ๔ อสงขัยแสนกัปป์
แต่ก่อนที่พระโพธิสัตว์จะได้ตรัสรู้อริยสัจจธรรมเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ชีวิตของพระโพธิสัตว์ก็เป็นชีวิตของผู้ที่ยังไม่ได้ดับกิเลส ผู้ที่ยังไม่ได้ดับกิเลสนั้นย่อมมีกิเลสมากทั้ง โลภะ โทสะ ริษยา ความสำคัญตน ความถือตน ความลบหลู่ และกิเลสอื่นๆ นานาประการ แต่ทำไมพระองค์จึงเป็นพระ โพธิสัตว์ ในเมื่อคนอื่นไม่เป็น เพราะพระองค์พิจารณาสิ่งที่มีในขณะนั้นด้วยความแยบคายว่า คืออะไร มาจากไหนและเกิดขึ้นได้อย่างไร
เมื่อเกิดมาก็ยึดถือร่างกายตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า เสมือนกับเป็นสมบัติของตนซึ่งได้มาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย แต่พระโพธิสัตว์คิด พิจารณาสภาพธรรมเหล่านี้ว่า เกิดขึ้นมาได้อย่างไร แล้วก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ไม่เที่ยง คือทุกคนที่เกิดมาแล้วก็แก่ เจ็บ ตาย สุขบ้าง ทุกข์บ้าง เป็นธรรมดา และก็จะต้องมีเหตุปัจจัยที่ทำให้สภาพธรรมต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้น
นี่คือผู้ที่เป็นพระโพธิสัตว์ผู้พิจารณาค้นคว้าสัจจธรรม ซึ่งกว่าที่จะได้ตรัสรู้ ประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า สภาพธรรมเกิดขึ้นแล้วดับไปอย่างรวดเร็วที่สุด ก็ต้องอาศัยการบำเพ็ญพระบารมีจนครบถ้วนถึง ๔ อสงขัยแสนกัปป์ สำหรับผู้ที่ยิ่งด้วยปัญญา แต่ถ้าเป็นพระโพธิสัตว์ผู้ยิ่งด้วยศรัทธาก็ต้องบำเพ็ญบารมีถึง ๘ อสงขัยแสนกัปป์ ถ้าเป็นพระโพธิสัตว์ผู้ยิ่งด้วยวิริยะก็ต้องบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงขัยแสนกัปป์
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...