ปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้น

 
บ้านธัมมะ
วันที่  3 ม.ค. 2565
หมายเลข  41868
อ่าน  647

慢慢成長的智慧

ปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้น


問: 尊敬的老師,請問幼兒園的定義是什麼?

ผู้ถาม: ขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่าความหมายของอนุบาลคืออย่างไร?

Ajhan Sujin: 每個國家都有不同的語言。

อ.สุจินต์: แต่ละแห่งแต่ละประเทศก็จะมีภาษาที่แตกต่างกันออกไป

注 : 中文是幼兒園,英文是kindergarten,泰文是 อนุบาล,巴利文是"anupala"意思是保護。 (หมายเหตุ: อนุบาลในภาษาจีนเรียกว่า幼兒園 ภาษาอังกฤษเรียกว่า Kindergarten ส่วนภาษาบาลีคืออนุปาลซึ่งมีความหมายว่าตามรักษา)

慢慢瞭解什麼是真的? 什麼是不善的危險? 什 麼是善的價值? 善生起的那一刻防衛保護不善法生起累積。

ค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่มีจริงคืออะไร? ภัยอันตรายของอกุศธรรมคืออะไร? คุณค่าของกุศลคืออย่างไร? ขณะที่กุศลเกิดขณะนั้นรักษาคุ้มครองจากอกุศลที่จะสะสม

智慧慢慢培養瞭解真相是什麼? 如果不曉得要如何真正的教育孩子,那麼從小的教育本身就不會對這個小孩有幫助。

ปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้นเพื่อเข้าใจว่าความจริงคืออะไร? ถ้าไม่มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการอบรมสั่งสอนเด็ก สิ่งที่อบรมสั่งสอนเด็กมาตั้งแต่ยังเล็กๆ อยู่ก็ไร้ประโยชน์

當我們在分享三藐三佛陀的教導時,就如我們正在教導什麼都不知道的小孩一樣,這就是為 什麼一次一個字要把它解釋清楚,只是在文字上理智上的知道這是不夠的。

ในขณะที่เรากำลังเผยแพร่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เปรียบเสมือนกับว่าเรากำลังอบรมสั่งสอนเด็กเล็กๆ ที่ไม่รู้ความอะไรเลย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องเข้าใจทีละคำ ทีละหนึ่งให้ชัดเจน การรู้ความเป็นเหตุเป็นผลเพียงตัวหนังสือนั้นไม่พอ

當我們聽到一個法的時候,那麼它是什麼?它在哪裡? 它現在有嗎?

ขณะที่ได้ยิน สภาพธรรมอย่างหนึ่งนั้น คืออะไร? สิ่งนั้นอยู่ที่ไหน? ขณะนี้มีไหม?

我們真的還不能夠在這個文字上瞭解真相,它的意義是什麼?雖然我們口中講的法 講的實相這個字,我們真的知道什麼是法什麼是實相嗎?

เรายังไม่สามารถที่จะเข้าใจความจริงจากตัวหนังสือ ว่าอรรถคืออย่างไร? แม้เราจะพูดคำว่า"ธรรมะ" พูดคำว่า"สิ่งที่มีจริง" แล้วรู้จัก"ธรรมะ" หรือ "สิ่งที่มีจริง" จริงๆ หรือเปล่า?

如果只是對文字的執取,這是真正的研讀佛法嗎?

ถ้าเพียงแต่ยึดถือในคำ นี่คือการศึกษาธรรมจริงๆ หรือเปล่า?

所以當我們講法這個字的時候,我們真的懂了嗎?當有一個什麼的時候它真正的特徵本質是不變的,漸漸瞭解這個就是法 ,是實相是真的。

เพราะฉะนั้น ในขณะที่กล่าวคำว่า"ธรรมะ" คำนี้ เรารู้จักคำนี้จริงๆ ไหม? ในขณะที่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดปรากฏ ลักษณะจริงๆ เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ไม่เปลี่ยน เมื่อค่อยๆ เข้าใจในสิ่งที่มีว่า เป็นธรรมะ เป็นสิ่งที่มีจริง

我們在學習每一刻的真相必須是誠實,否則是不可能逐步逐步更深的瞭解。 對於這個法生起的時候都不能了解 那怎能更進一步去瞭解呢? 我們不能停止在文字的階段,當然是智慧的瞭解,因為"誠實"才能知道 現在在那裡出現的特徵是什麼? 是還沒有清楚的出現。

การศึกษาสิ่งที่มีจริงนั้นต้องเป็นผู้ตรง มิฉะนั้นก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะค่อยๆ มีความเข้าใจขึ้น ธรรมะปรากฎก็ไม่เข้าใจ แล้วจะเข้าใจขึ้นได้หรือ? เราไม่ควรที่จะหยุดอยู่ที่เพียงขั้นตัวหนังสือ แน่นอนว่าต้องเป็นปัญญาที่เข้าใจด้วย เพราะ"ตรง" จึงรู้ได้ว่าลักษณะที่กำลังปรากฎที่อยู่ตรงนั้นคืออะไร? หรือยังไม่ได้ปรากฎอย่างชัดเจน

有人現在正在去瞭解 去研讀現在在那裡的是什麼嗎?現在在那裡的並不是我,一定是有個什麼在經驗 以及 被經驗的對象,但實際上我們什麼都還不知道。 那個去看的,我們可以說是眼識去看 以及 知道被看到的那個。 即使是在文字上能夠很準確的這樣講出來,也不代表智慧在累積在瞭解,要一直直到真的有信心有清楚的被經驗了,當然這是不同層次階段的智慧。

มีใครที่กำลังศึกษาเพื่อที่จะเข้าใจในสิ่งที่มีจริงที่อยู่ตรงนั้นว่าคืออะไรบ้างไหม? สิ่งที่อยู่ตรงนั้นในขณะนี้ ไม่ใช่เรา แน่นอนว่าต้องมีสิ่งที่รู้ และ สิ่งที่ถูกรู้ แต่ความจริงเรายังไม่รู้อะไรเลย ขณะที่เห็น เราอาจจะเรียกว่า"จิตเห็น" และรู้ว่ามีสิ่งที่"ถูกเห็น" แต่แม้ว่าเราจะกล่าวตามหนังสือได้อย่างแม่นยำ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าปัญญากำลังสะสมความเข้าใจ ก็ต้องเป็นไปอย่างนี้จนกว่าจะรู้อย่างชัดเจนด้วยความมั่นคง และแน่นอนว่านี่ต้องเป็นไปด้วยระดับปัญญาที่ต่างกัน

現在在看到的 一本書 一支筆,其實一旦有任何東西在那裡的時候 就已經不是在看的那一刻了,一直認為有個東西存在,是因為沒有智慧生起才會這樣的認為的,所以我們就是應該 一個法 一個特徵的瞭解,才能夠真正的靠近它 (法) 認出它 (法) 來。

สิ่งที่กำลังเห็นในขณะนี้ เป็นหนังสือ เป็นปากกา แต่ความเป็นจริงเมื่อสิ่งที่อยู่ตรงนั้นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด นั่นไม่ใช่ขณะที่เห็น การที่ยังคงเข้าใจว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่ตรงนั้น ก็เพราะเหตุว่ายังไม่มีปัญญาเกิดขึ้น จึงเข้าใจว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะฉะนั้นจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะเข้าใจธรรมะแต่ละอย่าง แต่ละลักษณะ จึงจะสามาถเข้าใกล้ธรรมะ รู้จักธรรมะ

在聽到三藐三佛陀的教導之前並不知道去看的是什麼?即使是一個很簡單的一個名法,那個去經驗的並不是人或東西 或是動物、眾生、貓、狗 ,全都不是 都只是法。

ก่อนที่จะได้ยินคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่รู้ว่าเห็นคืออะไร? แม้เพียงคำง่ายๆ หนึ่งคำก็ไม่รู้ เช่นคำว่า นามธรรม ว่าเป็นสภาพรู้ไม่ใช่คน หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือแมว สุนัข สัตว์ทั้งหลาย ไม่ใช่ทั้งสิ้น เป็นเพียงธรรมะเท่านั้น

這是在文字上的知道,還是真的知道只是一個法,並不是人或東西,非我。所以還是回到對真相是不是真實誠實的?

นี่คือการรู้ตามตัวหนังสือ ยังไม่ใช่การรู้ว่าเป็นเพียงสภาพธรรม ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่ใช่เรา ดังนั้นต้องย้อนกลับไปที่การเป็นผู้ตรง และมีความจริงใจต่อความจริงไหม?

現在去看的就只是去看的法,所以在還沒有直接經驗到這個法之前時,法它並沒有清楚的出現,即使是這樣的知道 也只知道是聽到不是我而已。

ขณะนี้"เห็น"ก็เป็นเพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่งที่เห็นเท่านั้น เพราะฉะนั้นเมื่อยังไม่ได้รู้สภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง สภาพธรรมนั้นก็ยังไม่ปรากฏอย่างชัดเจน ถึงแม้จะรู้อย่างนี้ ก็เป็นเพียงการรู้จากการได้ฟังว่าไม่ใช่เรา

因為 (無明) 我們就如盲目的瞎子一樣,不瞭解真相,到底被看到的是什麼? 所以我們所認為的看到,的出現 都還是有個人 是有個東西,當智慧知道真相的時候,看到的,出現的,並不是人或東西。 所以必須要謹慎地去瞭解,那個被看到的並不是像我們現在所認為的看到和出現,因為被看到的那個 "色塵" 撞擊眼根被眼識經驗這就是被看到, 撞擊眼根的 不會是筆 不會是鞋子 不會是任何東西。

เพราะเหตุว่าเราอยู่ในความมืดบอดเหมือนคนตาบอด ไม่เข้าใจความจริง ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เห็นนั้นคืออะไร? ดังนั้นสิ่งที่เราเข้าใจว่าเห็น ว่าปรากฎ ทั้งหมดก็ยังเป็นคน เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ต่อเมื่อปัญญารู้ความจริง สิ่งที่เห็น สิ่งที่ปรากฎ ย่อมไม่ใช่คนหรือเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะฉะนั้นควรระมัดระวังอย่างยิ่งในการที่จะเข้าใจ ว่าสิ่งที่ถูกเห็นนั้นไม่ใช่เป็นสิ่งที่ถูกเห็นแบบที่เราเข้าใจ เพราะเหตุว่าสิ่งที่ถูกเห็นนั้นกระทบกับจักขุปสาท สิ่งที่จิตเห็นรู้ก็เป็นเพียงสิ่งที่สามารถปรากฏให้รู้ได้ทางตาเท่านั้น ไม่ใช่ปากกา ไม่ใช่รองเท้า ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย

色塵是什麼意思? 就只是那個可以被看到的,這就是開始逐漸的去瞭解在日常生活中的真相是什麼? 這也是研讀佛法不同的階段,真相就只有法在生滅。 智慧所瞭解的真相是不同的程度,現在出現的 是什麼?真的有瞭解那個被看到了嗎? 要真心實意的面對這個真相,誠實的正視它,這是波羅蜜的重要。

สีนั้นมีความหมายว่าอย่างไร? ก็คือเป็นเพียงสิ่งที่ถูกเห็นเท่านั้น นี่คือการค่อยๆ เริ่มที่จะเข้าใจความจริงในชีวิตประจำวันว่าคืออะไร? นี่เป็นระดับการศึกษาที่ต่างกัน ความจริงก็คือ เป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดดับ ระดับของปัญญาที่เข้าใจความจริงนั้นก็ย่อมต่างกัน สิ่งที่กำลังปรากฎในขณะนี้คืออะไร? เข้าใจสิ่งที่กำลังเห็นในขณะนี้จริงๆ แล้วหรือยัง? ต้องเป็นผู้ตรงและจริงใจต่อความจริง ตรงต่อสภาพนั้น นี่คือสิ่งสำคัญของบารมี

不管是那一種善的波羅蜜,波羅蜜是必須要培 養建立的,因為各種不善法的累積很深,都會成為培養建立正道的阻礙。 現在是真的有信心了嗎? 真的知道去看其實並不是我嗎?還是我們只是在學着瞭解這個真相而已? 這樣的累積一直到能夠知道那個去看的 其實並不是我,這就是逐漸的累積研讀佛法對真相的瞭解。

ไม่ว่าจะเป็นบารมีใดๆ เป็นสิ่งที่ต้องอบรมเจริญ เพราะเหตุว่าอกุศลที่สะสมไว้นั้นจะเป็นเครื่องกั้นในการอบรมเจริญหนทางที่ถูกต้อง ขณะนี้มีความมั่นคงจริงๆ แล้วหรือยัง? รู้จริงๆ แล้วหรือว่าเห็นไม่ใช่เรา? หรือว่าเราเพียงแต่ศึกษาที่จะเข้าใจความจริงเท่านั้น? สะสมไปอย่างนี้จนกว่าจะสามารถรู้จริงว่าเห็น ไม่ใช่เรา นี่คือการค่อยๆ สะสมความเข้าใจในการศึกษา ธรรม

研讀佛法的含意就是 現在正在出現的在那裡的是什麼? 這當然不是由我們的意志 我們想要它發生就發生,因為智慧能不能發生去瞭解真相,都是由因緣條件而生起,這也是如理作意 (yoniso manasikara) 的思慧 逐漸的 逐漸的靠近這個真相。

ความหมายของการศึกษาธรรม ก็คือ สิ่งที่กำลังปรากฎคืออะไร? การที่จะมีความเข้าใจในสิ่งนี้ย่อมไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด ว่าอยากที่จะเข้าใจ เข้าใจก็เกิด เพราะปัญญาสามารถที่จะเกิดขึ้นเข้าใจความจริงได้ ต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย และนี่ก็คือปัญญาที่พิจารณาโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) ก็จะค่อยๆ เข้าใกล้ความจริงทีละเล็กทีละน้อย

這個正在出現的法一直到直接經驗它 (法) ,在沒有直接覺知,智慧還沒有直接的去了解它 (法) 的時候,在文字上的理解雖然有幫助可是過不久就忘了,倘若是覺知法的真相是不會忘記的。 現在法就在這裡,有沒有智慧生起去瞭解它 (法) 呢?直接經驗法的那一刻是沒有欲求期望的。

จากสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ ไปจนกระทั่งถึงรู้ตรงสภาพธรรมนั้น หากขณะนั้นสติยังไม่มี ปัญญายังไม่รู้ตรงสภาพธรรมนั้น ความรู้ขั้นตัวหนังสือแม้จะมีส่วนช่วยเกื้อกูลอยู่บ้าง แต่ไม่นานก็ลืม แต่ถ้าเป็นสติและปัญญาที่รู้ตรงสภาพธรรม จะไม่ลืม ธรรมะอยู่ที่ตรงนี้ อยู่ที่ว่าจะมีปัญญาเข้าใจได้ไหม? ในขณะที่กำลังรู้ตรงสภาพธรรมนั้น ขณะนั้นจะไม่มีความคาดหวัง ความต้องการเลย

每一刻的法一直都在生滅,差別的就是有沒有智慧生起,去瞭解真的在那裡的法是什麼? 否則就如常一樣,累積不善法的 無明 貪愛 瞋恨,把我們拉開遠離真相了。

ธรรมะเกิดดับทุกขณะ แต่จะมีปัญญาเกิดขึ้นเข้าใจสิ่งที่อยู่ตรงนั้นจริงๆ ว่าคืออะไรหรือเปล่า? มิฉะนั้นก็เหมือนเดิม สะสมอกุศล โลภะ โทสะ โมหะ ก็ยิ่งทำให้ห่างไกลออกไปจากความเป็นจริง

這也是經典題到的一個字 ((Opanayiko:(心靈的)導引;指引;攝入)) 指的就是正在出現的法,法就在現在 就在這裡,是內在的本身自己可以去驗證的法,不是任何外在的其它。這裡有時候我們也會用我這個字,這是在溝通上,我的這裏指的就是內在的心與心所,是心去認知,是智慧去瞭解,智慧可以瞭解任何的法,包括覺知本身也是可以被智慧瞭解,覺知不是我,瞭解不是我,真相並沒有我。

นี่ก็เป็นอีกคำในคำภีร์ (โอปนยิโก: เพราะควรนำ เข้าไป) คือมุ่งหมายถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฎในขณะนี้ ธรรมอยู่ที่เดี๋ยวนี้ เป็นสภาพธรรมที่อยู่ภายในตนที่ตนจะรู้ได้ ไม่ได้หมายถึงสิ่งอื่นที่อยู่ภายนอก ในที่นี้บางครั้งเราก็จำเป็นต้องใช้คำที่ว่า"เรา" "ตน" "ฉัน" เพื่อง่ายต่อการสื่อสาร "ตน"ในที่นี้เป็นสภาพธรรมที่อยู่ภายในคือจิตและเจตสิก จิตเป็นใหญ่ในการรู้ ปัญญาเป็นสภาพที่รู้ตรงตามความเป็นจริง ปัญญารู้ได้ทุกอย่าง รวมถึงสติ ปัญญาก็สามารถเข้าใจสติได้ สติไม่ใช่เรา เข้าใจไม่ใช่เรา ความจริงก็คือไม่มีเรา

在理智上的瞭解是必要的但是還不夠,每一刻都只是法在生滅,這是非常微妙深奧,沒有誰能知道下一刻的法會是什麼法的生起,因為真相並沒有如實的被智慧去知道,所以還是認為有一個人有一個東西在那裡。

ความเข้าใจขั้นคิดถูกด้วยความเป็นเหตุเป็นผลเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ยังไม่พอ ทุกขณะเป็นเพียงธรรมะที่เกิดดับ เป็นสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้งมาก ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ว่าขณะต่อไปธรรมะอะไรจะเกิดขึ้น เพราะเหตุว่าสิ่งที่มีจริงยังไม่ได้ปรากฎกับปัญญา เพราะฉะนั้นก็ยังคงเป็นเรา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดต่อไป

就如現在有無數的法在生滅,只有逐漸的瞭解才能夠逐漸降低對無我的執取。
法快速的生滅,掩蓋遮住了真相 因此要有耐心的去聽聞 去思慧 在日常生活中所出現的法,才有機會真的培養直接經驗法的因緣條件。
在那之前 即使是在理智上的瞭解,信心的堅定也會逐漸的加強 ,就不被這些表面概念故事那麼容易的拉走,這也不是我,而是智慧對真相的誠實。

ก็เหมือนกับขณะนี้ที่มีสภาพธรรมกำลังเกิดดับมากมายนับไม่ถ้วน มีเพียงความเข้าใจเท่านั้นที่จะสามารถค่อยๆ ลดละความยึดถือด้วยความเป็นเรา การเกิดดับที่แสนรวดเร็วของธรรมะปิดบังความเป็นจริง ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องอดทนที่จะฟัง อดทนที่จะพิจารณาสภาพธรรมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน จึงจะเป็นโอกาสเจริญเหตุปัจจัยที่จะทำให้สามารถรู้สภาพธรรมตรงตามความเป็นจริงได้ ก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้น แม้ความเข้าใจเพียงขั้นคิดด้วยความเป็นเหตุเป็นผลที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นมั่นคงขึ้นนั้น ก็จะไม่ถูกเรื่องราวชักพาไปได้โดยง่าย แต่นี่ก็ไม่ใช่เรา แต่เป็นปัญญาที่เข้าใจความจริงด้วยความตรงและจริงใจ

現在就只是生滅的法是行法 (sankhara) 在生滅而已,對這個真相的瞭解以及信心的累積,有沒有逐漸的 一點一滴的在增加? 法的特徵是無我 (anatta) ,各種法在生滅諸法無我,沒有人 沒有東西 只是法,現在我們就是正在培養直接經驗法的因緣條件,不期望 是自然而然的,研讀佛法就是一步一步的瞭解 真相 。 不同智慧的階段是不可能跳的,它的順序是 理智的階段 直接經驗法的階段 和內觀智的階段,只有智慧清楚是在哪一個階段。

เดี๋ยวนี้สังขารธรรมก็กำลังเกิดดับ การเข้าใจความจริงด้วยความมั่นคงได้ค่อยๆ สะสมเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อยบ้างแล้วหรือยัง? ลักษณะของสภาพธรรมคือ ไม่มีเรา อนัตตา สภาพทั้งหลายที่กำลังเกิดดับนั้นคือ สัพเพ ธัมมา อนัตตา ไม่ใช่คน ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นเพียงธรรมะ ขณะนี้เราก็กำลังอบรมเจริญเหตุปัจจัยที่จะรู้ตรงสภาพธรรมตามความเป็นจริง ไม่คาดหวัง เป็นปกติเป็นธรรมดา การศึกษาธรรม ก็คือค่อยๆ เข้าใจความจริงไปตามลำดับ ลำดับขั้นของปัญญาไม่อาจจะกระโดดข้ามไปได้ ปัญญาต้องเป็นไปตามลำดับขั้นคือ ขั้นปริยัติ ขั้นปฏิบัติ และขั้นปฏิเวธ มีเพียงปัญญาเท่านั้นที่จะรู้ชัดว่าเป็นไปในลำดับ ขั้นไหน

最重要的是 學習佛法的目的是培養正道,直接經驗法是唯一的道路,所以在這個過程中必須建立 誠實波羅蜜 忍辱波羅蜜 決意波羅蜜 精進波羅蜜,法全部都是極為深奧這是佛陀開悟時所宣說的真語,當然是這條正道,瞭解這條四聖諦的正道是非常深奧的。

จุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดในการศึกษาธัมมะคืออบรมเจริญหนทางที่ถูก รู้สภาพธรรมะตรงตามความเป็นจริงคือหนทางเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นในหนทางของการศึกษาสิ่งที่มีจริง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอบรมเจริญสัจจะบารมี ขันติบารมี อธิฐานบารมี วิริยะบารมี ธัมมะเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง นี่เป็นคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศตอนที่พระองค์ตรัสรู้ความจริง แน่นอนคือทางสายกลางหนทางนี้ การเข้าใจในหนทางอริยมรรค เข้าใจในอริยสัจ๔ เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง



敬感恩阿姜舒淨 (Ajhan Sujin Boriharnwanaket) 的恩惠 น้อมเคารพในคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

謹以此施法之功德與我們在輪迴裡每一世的父母 師長 同修 親友 仙人 各位讀者及其他一切眾生分享
กุศลในการนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศแด่บิดามารดาในทุกภพทุกชาติ ครูบาอาจารย์ ญาติมิตรสหาย เทวดา และผู้อ่าน รวมถึงสัตว์ทั้งหลาย

By line group Just Dhamma

หมายเหตุ
ที่มา : การสนทนาธรรมออนไลน์ระหว่างท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กับ ชาวจีน

สรุปใจความภาษาจีน โดย 陳品彤 เฉินผิ่นถง (คุณแพท)
แปลภาษาไทย โดย คุณปาล สว่างพัฒนกุล (黃如蓮)


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ม.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
มังกรทอง
วันที่ 4 ม.ค. 2565
สิ่งที่กำลังเห็นในขณะนี้ เป็นหนังสือ เป็นปากกา แต่ความเป็นจริงเมื่อสิ่งที่อยู่ตรงนั้นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด นั่นไม่ใช่ขณะที่เห็น การที่ยังคงเข้าใจว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่ตรงนั้น ก็เพราะเหตุว่ายังไม่มีปัญญาเกิดขึ้น จึงเข้าใจว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะฉะนั้นจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะเข้าใจธรรมะแต่ละอย่าง แต่ละลักษณะ จึงจะสามาถเข้าใกล้ธรรมะ รู้จักธรรมะ น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ