[คำที่ ๕๔๔] กิเลสสลฺล

 
Sudhipong.U
วันที่  24 ม.ค. 2565
หมายเลข  41965
อ่าน  605

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ “กิเลสสลฺล”

โดย อ.คำปั่น อักษรวิลัย

กิเลสสลฺล อ่านตามภาษาบาลีว่า กิ - เล - สะ - สัน - ละ มาจากคำว่า กิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต, กิเลส) กับคำว่า สลฺล (ลูกศร) รวมกันเป็น กิเลสสลฺล เขียนเป็นไทยได้ว่า กิเลสสัลละ แปลว่า ลูกศรคือกิเลส เป็นคำที่แสดงถึงความเกิดขึ้นเป็นไปของกิเลสซึ่งเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต ลูกศรคือกิเลส ย่อมเสียบแทงหรือปักอยู่ในจิตใจของแต่ละคนซึ่งเป็นผู้มีกิเลสอยู่เท่านั้น เป็นสิ่งที่ถอนออกได้ยาก และตราบใดที่ยังไม่สามารถถอนลูกศรคือกิเลสออกได้ ก็ยังถูกกิเลสเสียบแทง ทำให้เดือดร้อน เป็นทุกข์ และท่องเที่ยววนเวียนไปในสังสารวัฏฏ์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งจะแตกต่างจากผู้ที่ถอนลูกศรคือกิเลสออกได้แล้วอย่างสิ้นเชิง ตามข้อความในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส ดังนี้

บทว่า ลูกศร ได้แก่ ลูกศร ๗ อย่าง คือ ลูกศรคือราคะ (ความยินดีพอใจ) ลูกศรคือโทสะ (ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ) ลูกศรคือโมหะ (ความหลง ความไม่รู้) ลูกศรคือมานะ (ความสำคัญตน) ลูกศรคือทิฏฐิ (ความเห็นผิด, มิจฉาทิฏฐิ) ลูกศรคือความโสกะ (ความเศร้าโศก เสียใจ) ลูกศรคือความสงสัย ลูกศรเหล่านี้ อันผู้ใดละได้แล้ว ตัดขาดแล้ว สงบได้แล้ว ระงับได้แล้ว ทำให้ไม่ควรเกิดขึ้น เผาแล้วด้วยไฟคือญาณ ผู้นั้น เรียกว่า เป็นผู้ถอนลูกศรเสียแล้ว


พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา เป็นไปเพื่ออนุเคราะห์เกื้อกูลแก่ผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษา และมีความเข้าใจไปตามลำดับอย่างแท้จริง ทุกคำของพระองค์แสดงถึงสิ่งที่มีจริงโดยละเอียดโดยประการทั้งปวง แม้แต่ในเรื่องของกิเลสซึ่งเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิตนั้น ก็ทรงแสดงไว้มากทีเดียว ทรงแสดงโดยนัยต่างๆ ด้วยข้ออุปมาเปรียบเทียบมากมาย เพื่อให้สัตว์โลกได้เข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริงว่า กิเลสเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรา และเพื่อให้เห็นโทษเห็นภัยของกิเลสในชีวิตประจำวัน ไม่ควรเลยที่จะเป็นผู้มากไปด้วยกิเลสต่อไป เพราะกิเลสทั้งหลายไม่สามารถทำให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงได้เลย ทุกคำของพระองค์ เป็นคำหวังดี เป็นคำอนุเคราะห์เกื้อกูลเพื่อประโยชน์แก่ผู้ฟังผู้ศึกษาอย่างแท้จริง

จะต้องมีความละเอียดที่จะรู้เรื่องของกิเลสที่ทุกคนมีในวันหนึ่งๆ ซึ่งจะต้องพิจารณาให้ละเอียดว่า เป็นกิเลสประเภทไหน และมากอย่างไร เพราะเหตุว่าขณะใดที่มีการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย กิเลสย่อมแล่นไป เป็นไปในที่นั้นทุกเมื่อ ด้วยโลภะบ้าง โทสะบ้าง โมหะบ้าง ตามอารมณ์ที่ปรากฏนั้นๆ และอารมณ์ก็ปรากฏอยู่ตลอดเวลา ทำให้เห็นได้ว่า กิเลสมากทีเดียวที่เป็นไปตามอารมณ์นั้นๆ

ไม่ว่าจะเป็นจิตแพทย์ อายุรแพทย์ ศัลยแพทย์ ก็ไม่สามารถจะเยียวยาและถอนลูกศร คือ กิเลสออกจากใจของแต่ละคนได้ นอกจากพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ เมื่อได้ฟังแล้ว เข้าใจแล้ว ก็ประพฤติปฏิบัติตาม ก็สามารถที่จะถอนลูกศรคือกิเลสที่เสียบอยู่ในจิตใจออกได้ โดยที่ไม่ทำให้ร่างกายเป็นแผล และไม่เบียดเบียนร่างกายเลย นี้คือพระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงมีต่อสัตว์โลก

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีมาตลอดระยะเวลา ๔ อสงไขยแสนกัปป์ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก จึงทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงถึงความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้วก็ได้ทรงแสดงหนทางคือการอบรมเจริญปัญญาเพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงจนกระทั่งสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นแก่สัตว์โลก ตลอด ๔๕ พรรษา นับคำประมาณไม่ได้ ซึ่งมีผู้ที่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งผู้ที่เป็นมนุษย์ เทวดาและพรหมบุคคล

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ละเอียด ลึกซึ้ง เพราะทรงแสดงลักษณะของสภาพธรรมทั้งหลายที่พระองค์ทรงตรัสรู้ โดยทรงประจักษ์แจ้งตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั้นๆ ถ้าผู้ใดไม่ศึกษาพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงไว้โดยละเอียด ให้เข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็ย่อมไม่สามารถอบรมเจริญปัญญา ที่จะประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมและดับกิเลสได้ เมื่อไม่สามารถดับกิเลสได้ ก็ย่อมจะถูกลูกศรคือกิเลสเสียบแทงจิตใจอยู่ตลอดเวลา อยู่ไม่ผาสุก ทำให้จมอยู่ในสังสารวัฏฏ์อย่างไม่มีวันจบสิ้น ไม่พ้นไปจากทุกข์ในสังสารวัฏฏ์


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
petsin.90
วันที่ 24 ม.ค. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เฉลิมพร
วันที่ 25 ม.ค. 2565

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ