ธรรมละเอียดยิ่ง ไม่ใช่ของใคร ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร
หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๖๓๕]
ธรรมละเอียดยิ่ง ไม่ใช่ของใคร ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร
อาจารย์วิชัย เฟื่องฟูนวกิจ : ก่อนที่จะมาฟังคำบรรยายจากท่านอาจารย์ ก็มีโอกาสศึกษาพระอภิธรรมก่อน แต่พอมาฟังคำบรรยายท่านอาจารย์ ซึ่งท่านอาจารย์ก็แสดงให้เข้าใจถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ จึงจะรู้ว่าก่อนที่แม้จะศึกษาอภิธรรม ก็ไม่รู้จักธรรมจริงๆ จนกว่าที่ได้ฟังคำบรรยายจากท่านอาจารย์ที่ชี้ให้เห็นจริงๆ ว่าธรรมขณะนี้บ่อยๆ เนืองๆ จึงเริ่มที่จะมีความเข้าใจถึงธรรมจริงๆ ได้ ถ้าเพียงแต่ฟังพยัญชนะชื่อต่างๆ ขณะนั้นก็ยังไม่มีความเข้าใจเหมือนกับที่ให้เข้าใจธรรมขณะนี้
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ : ก็ได้ฟังมาอีกว่าหลายคนกลัวอภิธรรม ได้ยินแล้วก็เป็นชื่อที่เหมือนกับยิ่งใหญ่สุดเอื้อมเลย ใช่ไหม? อภิ - ธรรม แต่ถ้าใครก็ตามที่ไม่เข้าใจธรรม จะเข้าใจอภิธรรมไหม? เพราะว่าธรรมก็เป็นธรรมอยู่นั่นแหละ แต่ความละเอียดความลึกซึ้งของธรรมนั้นเอง คือ อภิ ละเอียดยิ่งที่จะรู้ว่าไม่ใช่ของใคร ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครด้วย เพราะฉะนั้น บางคนแยกเป็นพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม แต่ถ้าไม่มีธรรมเลย จะมีอะไรไหม? ก็ไม่มี แต่เมื่อมีธรรมหลากหลาย ทั้งเป็นธรรมที่ไม่สามารถที่จะรู้อะไรได้เลย เช่น แข็งหรือเสียง แต่ก็มีธาตุหรือธรรมอีกอย่างหนึ่งซึ่งสามารถที่จะรู้ได้ทุกอย่าง กำลังแข็ง มีปรากฏ เพราะมีสภาพที่รู้แข็งที่ปรากฏ เพราะฉะนั้น ก็แสดงให้เห็นว่าถ้าไม่มีธรรม ไม่มีอะไร เมื่อไม่มีอะไร จะมีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระรัตนตรัย ก็ไม่ได้ จะมีพระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่มีจริง เพราะละเอียดมาก แต่ก็ทั้งหมดเป็นธรรม ถ้าเข้าใจว่าทั้งหมดเป็นธรรม จะสอดคล้องกับพระอภิธรรมไหม? คือธรรมนั่นแหละเป็นอภิธรรม เป็นปรมัตถธรรม เป็นสัจจธรรม จะใช้คำไหนได้อีกหลายคำ บ่งถึงความจริงของธรรมนั้นๆ นั่นเอง เพราะฉะนั้น การศึกษาจึงต้องละเอียดที่จะต้องรู้ความจริงว่าเข้าใจเสียก่อนว่าอะไรคือธรรม แล้วต่อไปก็จะได้เห็นความลึกซึ้ง
ขณะนี้สนทนากัน อภิธรรม หรือเปล่า หรือเพียงแค่ธรรมเท่านั้น หรือเมื่อเป็นธรรมแล้วก็เป็นปรมัตถธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงที่ใครเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถ้าจะรู้ให้ละเอียดขึ้นถึงการเกิดขึ้นของธรรมซึ่งกำลังเกิดดับในขณะนี้ ก็เป็นอภิธรรม และถ้าจะเข้าใจ สติปัฏฐานก็คือว่าขณะนั้นมีความเข้าใจพอที่จะรู้ความเป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวตนที่พยายามที่จะให้เกิดสติที่จะรู้ความจริงของธรรม นั่นก็คือฟังแล้วก็ลืมว่าธรรมเป็นอนัตตา เพราะฉะนั้น ต้องมีความเข้าใจที่มั่นคงในปริยัติ จึงจะเป็นปัจจัยให้เกิดการรู้เฉพาะลักษณะที่มีในขณะนี้ได้ทีละลักษณะ จนกระทั่งแทงตลอดรู้แจ้งตามความเป็นจริงว่าพระธรรมที่ทรงแสดงเป็นสัจจธรรมทุกคำ
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย