รู้ถึงกรรมของแต่ละบุคคล

 
puangpetch
วันที่  8 ก.พ. 2565
หมายเลข  42023
อ่าน  414

ถอดคำบรรยายธรรม

10227_รู้ถึงกรรมของแต่ละบุคคล

....เคยคิดที่จะวิรัติ เว้นการฆ่าบ้างหรือเปล่า ....เพราะว่าเวลาที่ไปวัดนั้นก็มีการจะถวายทาน ถวายภัตตาหาร ก็มีการให้ศีล ทุกคนก็พูดตาม

ในขณะที่พูดตามนี้ ไม่ทราบว่าเจตนาอะไรเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า หรือว่าเพียงแต่กล่าวตามเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้น ก็เป็นผู้ที่ตรง ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครมาบอกให้พูดว่า ปาณาติปาตา, เวระมะณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ. ไม่มีใครมาบอกอย่างนี้ แต่ถ้าในขณะใดที่เกิด ต้องเป็นสติเป็นไปในการที่จะวิรัติ ก็จะมีความคิดว่าต่อจากนี้ไป หรือว่าเมื่อไหร่ก็ตามแต่ที่คิดอย่างนั้นว่าจะไม่ฆ่าสัตว์ ขณะนั้นก็เป็นเจตนาศีล

หมายความว่า ยังไม่ได้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาเผชิญหน้า แต่ว่ามีเจตนาที่จะวิรัติทุจริต ยกตัวอย่างในเรื่องของปาณาติบาต

แต่ว่า หลังจากคิดอย่างนั้นแล้ว อกุศลจิตก็เกิดเป็นประจำ มีใครบ้างที่จะมีกุศลจิตเกิดบ่อย เป็นประจำ เป็นเจ้าของบ้าน แล้วนานๆ อกุศลจิตก็จะมาเยี่ยมเยียน หรือเพราะว่าปกติแล้ว อกุศลจิต ก็ต้องเกิดมาก ไม่รู้ตัวเลย แล้วนานๆ กุศลจิตก็จะมาเยี่ยมเยียน

อย่างขณะนี้เอง ถ้าง่วง ก็อาจจะเป็นประจำของอกุศลซึ่งมีอยู่บ่อยๆ เพราะฉะนั้น อกุศลก็ครอบครองอยู่เสมอ แล้วก็แม้ในขณะฟังธรรม อกุศลก็มาเยี่ยมเยียน แต่แขกที่มานี่จะมานาน หรือว่าจะกลับเร็ว ก็นั่นก็เป็นเรื่องของแต่ละขณะจิต

แต่ให้ทราบว่าขณะใดที่จิตเป็นกุศลก็คือกุศล แม้แต่ความคิดสมาทานที่จะถือ ที่จะวิรัติทุจริตต่างๆ เช่น บางท่านอาจจะบอกว่าตั้งแต่นี้ต่อไป จะไม่พูดคำที่ไม่น่าฟัง ที่ทำให้คนอื่นเขาไม่สบายใจ...

ก็แล้วแต่ว่าจะเกิดกุศลจิตขณะใด ที่เป็นไปในทาน หรือเป็นไปในศีล ที่ตั้งใจไว้ ขณะนั้นก็เป็นเพียงเจตนา ถ้าการกระทำนั้นยังไม่ได้สำเร็จ

เพราะฉะนั้น ไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่กล่าวตามโดยที่ว่าไม่ได้มีความคิดสักนิดเดียวที่จะวิรัติ เพียงแต่พูดตาม ก็ต่างกับคนซึ่งแม้ไม่ได้พูดตาม แต่มีเจตนาจริงๆ ที่จะงดเว้น ชั่วขณะที่คิด แต่ว่าข้างหน้าไม่ทราบนะคะอะไรจะเกิดขึ้น เพราะความเป็นอนัตตา

แต่ให้เห็นความวิจิตรของจิตที่ว่า เมื่อมีปัจจัยเกิดขึ้นที่จะเป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้นเพราะฉะนั้น ก็แสดงให้เห็นว่าถ้าขณะนั้นเป็นเจตนาศีล แต่ไม่ใช่วิรัตีศีล จนกว่าจะมีวัตถุเผชิญหน้าเมื่อไหร่นะคะ ตอนนี้จะรู้ได้ว่าจะวิรัติหรือไม่วิรัติ ก็เป็นเรื่องของศีลที่จะเกิดขึ้น

แต่ข้อสงสัยนี้สงสัยว่า จะมีศีลตลอดเวลาหรือเปล่าใช่ไหมคะ เพราะว่าไม่ได้ทำอะไร ก็น่าจะ... ก็น่าจะเป็นผู้มีศีลอยู่ตลอดเวลา แต่ลองคิดถึงเด็กซิคะ เด็กที่เกิดมานอนในเบาะน่ะค่ะ ก็ไม่ได้ทำอะไร มีศีลหรือเปล่า เพราะฉะนั้น เราล่ะคะ จะกล่าวเหมาว่าขณะที่ไม่ได้ทำอะไรนี่เป็นผู้ที่มีศีลไหม ก็เป็นเรื่องที่พิจารณาได้

แต่ว่าถ้าเป็นผู้ที่ฟังพระธรรม จะเห็นความบริสุทธิ์ของพระธรรมนะคะ ไม่ส่งเสริมให้เกิดอกุศลจิตแม้เพียงเล็กน้อยค่ะ

ให้ทราบว่า ขณะนั้นเป็นอกุศลแล้วที่เป็นไป แล้วแต่ว่าจะในเรื่องอะไรนะคะ แต่ขณะนั้นก็มีความโน้มเอียง มีความพอใจ แล้วก็มีการสรรเสริญด้วย แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้กระทำแต่หวังอยู่ในใจหรือเปล่าคะว่า เหมือนกับอยากจะให้เป็นอย่างนั้น แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้กระทำเอง แต่เวลาที่มีการกระทำสำเร็จลงไปก็ดีใจว่าเป็นอย่างนั้น

เพราะฉะนั้น พระธรรมที่ทรงแสดงจึงเปรียบเหมือนกระจกนะคะ ที่จะส่องจิตของตนเองให้รู้ว่าขณะนั้นน่ะค่ะ เป็นกุศลหรือเป็นอกุศลมากน้อยขนาดไหน ไม่ใช่เพียงพอใจว่าเราไม่ได้ฆ่าก็ไม่เป็นไร

แต่แม้แต่เพียงความยินดีในการฆ่าเกิดขึ้น ก็ยังรู้ว่าขณะนั้นเป็นอกุศล ซึ่งเป็นไปในเรื่องของการฆ่า หรือว่าเป็นไปในเรื่องของทุจริตอื่นๆ

แล้วก็ถ้าฟังอย่างนี้แล้วก็พอเห็นข่าวอะไรๆ ก็ยังคงจะคิดอย่างเดิมหรือเปล่าคะ หรือว่ารู้ว่าแต่ละคนนี้ ก็มีกรรมเป็นของตนเอง

แล้วทุกคนก็ไปสงสารตอนที่ผลของกรรมเกิดขึ้นนะคะ ไม่ว่าเขาจะยากจน ไม่ว่าเขาจะเจ็บไข้ได้ป่วย หรือว่าเกิดอุบัติเหตุ ได้รับทุกข์ทรมานต่างๆ ก็สงสารตอนนั้น แต่ว่าตอนที่เขายังไม่ได้รับผลนี่ค่ะ พลอยเป็นอกุศลไปด้วยในการที่จะเกลียดชัง หรือว่าในการที่จะทำให้เขาได้รับผลเร็วๆ

เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นผู้ที่ฟังพระธรรมอย่างละเอียดนะคะ แล้วเป็นผู้ที่มีจิตอ่อนโยน เชื่อฟังเคารพในพระธรรมจริงๆ ก็ต้องรู้ว่าทรงแสดงพระธรรมอย่างละเอียดนี้เพื่ออะไร

ถ้าไม่ทรงมีพระมหากรุณาอย่างนี้นะคะ ที่จะรู้ว่า อกุศลเกิดได้บ่อยๆ แล้วก็เกิดมากในเรื่องสารพัดเรื่อง เพราะฉะนั้น ก็ทรงอธิบายให้เห็นโทษของอกุศลตามความเป็นจริง

เพราะฉะนั้น ถ้ามีข่าว หรือว่าเห็นหรืออะไรก็ตามแต่ ปัญญาที่เกิดขึ้นในขณะนั้นน่ะค่ะ จะไม่ทำให้จิตหวั่นไหว ที่จะพลอยเป็นอกุศลไปด้วย

แต่ว่าจะรู้ถึงกรรมของแต่ละบุคคล ถ้าไม่มีกรรมที่ได้กระทำแล้ว สิ่งใดๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นกับใครในลักษณะอย่างนั้นแน่นอน แต่ว่าถ้าสิ่งใดได้เกิดขึ้นแล้ว หมายความว่าเป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้ว

เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นผู้ที่มีปัญญาเพิ่มเติมไปอีก ก็ทำให้มีการระลึกที่จะไม่กระทำกรรมอย่างนั้นๆ เพราะว่าผลของกรรมก็ปรากฎให้เห็นอยู่

กราบเท้าบูชาคุณ

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ที่เคารพยิ่ง

🙇‍♀️🙇‍♀️🙇‍♀️

กราบขอบพระคุณ

และขออนุโมทนาค่ะ

🙇‍♀️🙇‍♀️🙇‍♀️


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 8 ก.พ. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pamali
วันที่ 9 ก.พ. 2565

กราบอนุโมทนากุศลจิตท่านอาจารย์สุจินต์และทุกท่านค่ะ


 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ค่อยๆศึกษา
วันที่ 9 ก.พ. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ