ถ้าปัญญาไม่เกิด ... ไม่สามารถดับกิเลสได้

 
oom
วันที่  9 ก.ค. 2550
หมายเลข  4229
อ่าน  1,585

ได้ฟัง อ. สุจินต์ บรรยายว่าถ้าปัญญาไม่เกิด จะไม่สามารถดับกิเลสได้เลย หมายความว่าอย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 9 ก.ค. 2550


ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

กิเลส คือสภาพธัมมะที่มีจริง เช่น โลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น ปัญญาเป็นสภาพธัมมะที่มีจริง มีลักษณะรู้ตามความเป็นจริง ปัญญามีหลายระดับครับ ก่อนอื่นมาเข้าใจคำว่า ดับกิเลสก่อนครับ การดับกิเลสคือ การที่ไม่มีกิเลสเหลือเลย

กิเลสมีหลายระดับ

ระดับแรกคือ ที่แสดงออกมา ทางกาย วาจา ระดับที่สองคือ ที่ไม่ได้แสดงออกมาทางกาย วาจา แต่ก็อยู่ในใจ เช่น โกรธแต่ก็ไม่แสดงออกมาทางกาย วาจา ระดับที่สามคือ กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน อยู่ในจิตทุกขณะ แม้ขณะที่หลับ ก็มีกิเลสที่นอนเนื่อง เหมือนเชื้อโรคที่มีอยู่ในร่างกาย โรคที่กำเริบ (แสดงออกมาทางกายวาจา) ก็เพราะมีเชื้อโรคเป็นปัจจัยเป็นเหตุ แต่เมื่อเราไม่ป่วย ก็ยังมีเชื้อโรคในร่างกายก็เหมือนมีอนุสัยกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในร่างกาย ดังนั้น การดับกิเลสได้จริงๆ นั้นจะต้องดับกิเลสขั้นที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน (อนุสัยกิเลส) เหมือนเมื่อฆ่าเชื้อโรคแล้ว โรคก็ไม่เกิดอีก ดังนั้น การที่ไม่ให้กิเลสที่ล่วงออกมา ทางกาย วาจา ไม่ให้เกิดชั่วขณะด้วยขั้นศีล ก็ไม่สามารถดับกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดานเหมือนเชื้อโรคได้ อบรมสมถภาวนาไม่ให้อกุศลเกิดในใจชั่วระยะเวลาที่อบรม (ระงับกิเลสขั้นที่สองที่ไม่แสดงออกมาทางกาย วาจา แต่เกิดที่จิต) ก็ไม่สามารถดับกิเลสได้จริงๆ เพราะไม่ได้ดับกิเลสที่เป็นอนุสัยกิเลสที่เป็นกิเลสระดับที่ 3 แต่มีสภาพธัมมะอย่างหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่รู้ตามความเป็นจริงคือ ปัญญา สามารถดับกิเลสได้

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 9 ก.ค. 2550

ทำไมปัญญาจึงดับกิเลสได้ เพราะไม่รู้ (โมหะ) ใช่ไหม จึงมีกิเลสมากมาย แต่ถ้ารู้ตามความเป็นจริง (ปัญญา) เข้าใจความจริงของธรรม เมื่อเข้าใจก็รู้ขึ้น เมื่อรู้ขึ้น ปัญญานั้นเองจะทำหน้าที่ดับกิเลส ไม่ใช่กิเลสจะไปดับกิเลส เพราะกิเลสเพิ่มแต่ความไม่รู้ตามความเป็นจริงแต่ปัญญาขั้นไหนหละที่จะดับกิเลสได้หมดซึ่งเป็นกิเลสขั้นที่ ๓ เป็นอนุสัยกิเลสที่นอนเนื่องในจิต ก็ต้องเป็นปัญญาขั้นสูง จนถึงระดับโลกุตตร แต่ก่อนที่จะถึงปัญญาขั้นนั้นที่จะดับกิเลสได้ ก็ต้องเริ่มอบรมปัญญาทีละเล็กละน้อย จากขั้นการฟัง เมื่อเข้าใจก็ละความไม่รู้ขั้นการฟัง แต่ปัญญาขั้นการฟัง ทำอะไรกิเลสไม่ได้และก็อบรมเป็นปัญญาขั้นที่รู้ตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ก็ยังทำอะไรกิเลสไม่ได้เหมือนกันจนถึงปัญญาขั้นวิปัสสนาญาณ ก็ยังดับกิเลสไม่ได้ จนถึงปัญญาขั้นโลกุตตรนั่นแหละจึงดับกิเลสได้ ดังนั้น สรุปว่า ถ้าปัญญาไม่เกิดก็ไม่รู้ตามความเป็นจริงของธรรม เมื่อไม่รู้ตามความเป็นจริง ก็ไม่สามารถดับกิเลสได้ เพราะความไม่รู้จะดับกิเลสได้อย่างไร นอกจากความรู้คือ ปัญญาครับ ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
orawan.c
วันที่ 10 ก.ค. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 11 ก.ค. 2550

ที่เรามีกิเลสมากเพราะอวิชชาความไม่รู้ปิดบังสภาพธรรมะ ทำให้เราไม่เห็นสภาพธรรมะตามความเป็นจริงที่ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราหลงยึดติดว่า เป็นของเราเราจึงต้องอบรมปัญญาเพื่อละความไม่รู้ เพื่อละความเห็นผิด เพื่อละคลายความเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล กิเลสกลัวอย่างเดียวคือ ปัญญาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
อิสระ
วันที่ 12 ก.ค. 2550

สาธุๆ กล่าวได้ดีมากๆ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ไรท์แจกแล้วไง
วันที่ 21 ก.ค. 2550

หมายความว่า ถ้าไม่ประจักษ์ชัดด้วยปัญญาว่า แม้กิเลสก็ไม่ใช่เรา ก็ไม่พ้นไปจากทุกข์ (สภาพธรรมะที่มีความเกิดนั่นแหละ)

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 13 พ.ย. 2566

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ