การสวดพระอภิธรรม

 
Tawin
วันที่  13 ก.ค. 2550
หมายเลข  4246
อ่าน  5,265

การสวดพระอภิธรรมในงานศพเป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นแต่สมัยพุทธกาลหรือไม่ เมื่อใด และมีจุดประสงค์ใด


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 13 ก.ค. 2550

ในสมัยครั้งพุทธกาลไม่มีพิธีกรรมงานศพเหมือนปัจจุบัน คือ เมื่อคนตายก็นำไปเผาที่ป่าช้าในวันนั้นเลย ไม่มีพิธีการสวดพระอภิธรรมในงานศพ และยังไม่พบที่มาว่าเริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยไหน หรือเพื่อจุดประสงค์ใดในการสวดพระอภิธรรมในงานศพ แต่พอทราบจากที่ผู้ใหญ่เล่าสืบกันมาว่า ในอนาคตคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอันตรธานเสื่อมหายจากโลกนี้ เพราะไม่มีใครศึกษาและเข้าใจ คำสอนที่เสื่อมก่อนก็คือพระอภิธรรมปิฎก ดังนั้นโบราณจึงให้มีการแสดงพระอภิธรรมปิฎก (สวด) เพื่อให้คนที่เป็นอยู่ได้ยินได้ฟังพระอภิธรรม อีกนัยหนึ่ง เมื่อมีคนตายเกิดขึ้น เพื่อเป็นการบรรเทาความเศร้าโศกของญาติของผู้ตายพระภิกษุจึงแสดงความจริงว่า ทุกอย่างเป็นเพียงธรรมะอย่างหนึ่งเท่านั้น (กุสลาธัมมา อกุสลาธัมมา อัพยากตา ธัมมา)

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 13 ก.ค. 2550

การสวดอภิธรรมในงานศพ จุดประสงค์เพื่อให้คนที่เป็นญาติ มิตร ของผู้ตายฟัง เช่น สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ฯลฯ คนที่มีชีวิตอยู่ฟังแล้วจะได้คลายความเศร้าโศกเสียใจได้บ้างค่ะ และที่สำคัญเป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 13 ก.ค. 2550

ขออนุโมทนา


 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ajarnkruo
วันที่ 13 ก.ค. 2550

หัวใจของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ พระวินัยปิฏก หรือพระสุตตันปิฏก แต่คือพระอภิธรรมปิฎก เวลาล่วงมา ๒๕๕๐ ปี ผู้ที่ศึกษาจริงๆ และจะเห็นประโยชน์โดยไม่ทิ้งมีน้อย โดยเฉพาะในกาลวิบัตินี้ ก็ถึงครึ่งทางของความเสื่อมแล้ว เสื่อมไปตามเหตุตามปัจจัยจริงๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
อิสระ
วันที่ 14 ก.ค. 2550

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ไรท์แจกแล้วไง
วันที่ 21 ก.ค. 2550
ทั้งสามปิฎกย่อมไปด้วยกันแยกไม่ได้เลย
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 21 ก.ค. 2550

ความคิดเห็นที่ 4 ...

หัวใจของพระพุทธศาสนา คือ การละ (ไม่ติดดี ไม่ติดชั่ว)

พระวินัยปิฎก คือ คำสั่ง (ละเมิดไม่ได้)

พระสูตรและพระอภิธรรม คือ คำสอน (เพื่ออบรม ประพฤติปฏิบัติตาม)

ทั้ง ๓ ปิฎกนั้นสอดคล้องกัน เพื่อการขัดเกลากิเลส เพื่อการกระทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
prapan
วันที่ 23 ก.ค. 2550

คิดว่าไม่นะครับน่าจะเกิดไม่นานนี้ด้วยครับ เพราะ ว่าสมัยก่อน เราสวดศพด้วยบทพระมาลัยนะครับ และถ้าเห็นภาพถ่ายเมื่อสัก ประมาณ ๑๐๐ ที่แล้ว ตามงานศพจะเป็นฆารวาสชาย มาสวด เป็นงานรื่นเริง เสียด้วยซ้ำครับ เห็นด้วยกับความสำคัญของพระอภิธรรมครับ น่าเสียดายที่สุดที่ปัจจุบัน สวดกันอยู่นั้น พระที่สวดก็น้อยรูปจะเข้าใจคนฟังสวดก็น้อยคน จะเข้าใจ คนตายก็น้อยคนที่จะฟังรู้เรื่องครับ ดังนั้น จึงควรมารู้จักพระอภิธรรม กันก่อนตายดีกว่าครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ajarnkruo
วันที่ 23 ก.ค. 2550

จากความเห็นที่ ๗ ของคุณไตรสรณคมน์

น้อมรับครับ เพราะมาคิดทบทวนแล้ว ตัวเองก็เผลอตอบไปโดยคิดง่ายๆ จริงๆ แต่พอได้ฟังเรื่องหิริ โอตตัปปะ จากท่านอาจารย์สุจินต์ ก็รู้ว่ามีโทษมาก ขอบคุณที่ย้ำให้ระลึกได้ครับ

ถาม : สมัยนี้ทำไมผู้ที่ศึกษาธรรมแล้ว แต่ก็ยังเผยแผ่ผิดๆ ถูกๆ อย่างนี้จะมีโทษมากไหมครับ

ท่าน อ.สุจินต์กล่าวไว้ว่า : "ก็ต้องเห็นใจนะคะ เพราะพระธรรมนั้นยากที่บุคคลในสมัยนี้เพียงผู้เดียวจะรู้ซึ้ง รู้ชัด รู้ละเอียดในพระปิฎกทั้งสามได้ พึงที่จะต้องช่วยกันตรวจสอบ ตรวจทาน เทียบเคียงกับต้นฉบับจริงอยู่เสมอค่ะ" เหตุนี้ ผมขออนุโมทนาด้วยใจยินดีอย่างยิ่ง ถ้าท่านจะสละธรรมทานเพื่อเป็นความรู้ถูกแก่ผม ผมจะไม่คิดโกรธ หรือดึงดันถือตัวด้วยมานะต่อผู้ใดเลย หากเกิดผิดพลาดประการใดอีก ท่านสามารถติติง หรือช่วยแนะสิ่งที่ถูกได้ตลอดเวลา และผมก็จะศึกษาเพิ่มเติมจากพระไตรปิฎกประกอบด้วย ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ajarnkruo
วันที่ 23 ก.ค. 2550

ข้อความบางตอนว่าด้วยเรื่อง ธรรมวาทีเชิญคลิกอ่าน ...

ธรรมฝ่ายดำ ๙ อย่าง

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 30 ก.ค. 2550

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ