ความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๖๖๕]
ความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ทุกคนตอนที่เป็นเด็ก จะไม่มีใครที่ไม่กลัวความตายเลยใช่ไหม? เด็กทุกคนกลัว บางคนก็คิดว่าถ้าวันนั้นมาถึงเมื่อไหร่ ก็อยากจะหนีไปให้สุดขอบโลกทีเดียว ถ้าสามารถที่จะเป็นไปได้ แต่เมื่อโตขึ้น ก็ยิ่งเห็นว่าความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เมื่อมีการเกิดขึ้นแล้วก็ต้องมีการตาย เพราะฉะนั้น ก็แล้วแต่การอบรมเจริญปัญญาของแต่ละท่านที่จะรู้ว่าท่านมีการระลึกถึงความตายบ่อยๆ เนืองๆ จนรู้ความจริง จนสามารถที่จะหวั่นไหวน้อยลง ไม่มีการหวาดกลัวความตายเหมือนเมื่อตอนที่เป็นเด็กหรือว่าตอนที่ยังไม่ได้อบรมเจริญปัญญา แต่สำหรับท่านที่กลัว ท่านก็อาจจะไม่ได้พิจารณาว่าแท้ที่จริงแล้ว ที่ท่านว่าท่านกลัวความตาย ท่านกลัวอะไร ส่วนมากแล้วกลัวการพลัดพรากจากความเป็นบุคคลนี้ และจากทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งเป็นที่รักเป็นที่พอใจ ที่ท่านยึดถือ ยึดมั่นเกี่ยวข้องในชีวิตนี้ นอกจากนั้นก็ยังกลัวความเจ็บ ความปวดก่อนที่จะตาย เพราะบางท่านก็อาจจะกลัวมากกว่าตายจริงๆ คือ กลัวเจ็บ หรือกลัวความปวด ความทรมานต่างๆ ซึ่งสรุปแล้วก็คือการกลัวการประจวบกับสิ่งที่ไม่รัก เช่น ความทุกข์ ความทรมานก่อนที่จะตาย หรือว่ากลัวการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก คือจากการเป็นบุคคลนี้ในภพนี้ชาตินี้ แล้วก็กลัวการที่จะต้องสูญเสียสิ่งที่รักที่พอใจ และบุคคลซึ่งเป็นที่รักที่พอใจ แต่ให้ทราบว่าถึงจะกลัว ก็ไม่พ้น เพราะฉะนั้น แทนที่จะกลัว นึกถึงบ่อยๆ ว่าวันหนึ่งต้องจากต้องพลัดพราก ต้องเปลี่ยนแปลงแน่นอน ก็จะทำให้รู้สึกชินขึ้นกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นการพลัดพรากอยู่ทุกขณะ ขณะเมื่อกี้นี้ก็เป็นขณะหนึ่งในสังสารวัฏฏ์ ซึ่งจะไม่กลับมาอีก และสำหรับภพนี้ชาตินี้ ก็เป็นแต่เพียงชาติหนึ่งที่มีการเห็น การได้ยินอยู่ในโลกมนุษย์นี้ในสังสารวัฏฏ์ ซึ่งต่อไปก็ไม่ทราบว่าจะเป็นบุคคลไหน เกิดในภพไหน ในโลกไหน แต่ที่จะไม่เกิดอีกนั้นไม่มี
เพราะฉะนั้น น่ากลัวไหมความตาย เพียงแต่เป็นการย้ายหรือเปลี่ยนจากการเป็นบุคคลซึ่งเคยเป็นในชาตินี้ เป็นบุคคลใหม่อีกบุคคลหนึ่ง ในภพหน้า ในชาติหน้า แล้วแต่ว่าบุญกรรมหรือว่าบาปกรรมจะทำให้ปฏิสนธิในภูมิไหน มีกำเนิดอย่างไร มีชาติ มีตระกูล มีลาภ มียศ มีการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกายต่างๆ ไป แต่ไม่ผิดจากชาตินี้ เพราะเหตุว่าก็ยังจะต้องเป็นเรื่องของการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส และการรู้อารมณ์ต่างๆ การคิดนึกทางใจนั่นเอง
เพราะฉะนั้น ชาติหน้าก็ไม่ต่างอะไรกับชาตินี้ ท่านซึ่งมีบุคคลเป็นที่รัก และวัตถุซึ่งเป็นที่รักในชาตินี้ ชาติหน้าท่านก็มีใหม่ เป็นบุคคลใหม่ มีบุคคลซึ่งเป็นที่รักใหม่ และมีวัตถุซึ่งเป็นที่ยินดีที่พอใจใหม่ ดูแล้วก็เหมือนว่าไม่สูญเสียอะไร แต่ถึงอย่างนั้น การติดในความเป็นบุคคลนี้ในภพนี้มากจนกระทั่งทำให้ท่านหวั่นกลัว แล้วก็ไม่พอใจเลยที่จะพลัดพรากหรือว่าสูญเสียความเป็นบุคคลนี้ในชาตินี้ไป เสียดายไหมการที่จะเป็นบุคคลนี้ หรือว่าพร้อมขณะไหนก็ได้ ที่จะเป็นบุคคลอื่น ตามบุญกรรมแล้วแต่ว่าจะเป็นใคร
เพราะฉะนั้น ก็ต้องเร่งประกอบกรรมดี นี่คือจุดประสงค์ของการระลึกถึงความตาย
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย