สงสัยว่าเวรกรรมมีจริงไหม...

 
Tiger3570
วันที่  17 มี.ค. 2565
หมายเลข  42889
อ่าน  812

แปลกนะพระทำตัวไม่ดีชอบใส่ความพระรูปอื่นไม่ทำกิจของสงฆ์กินข้าวเย็นเล่นหวยเล่นหุ้นขุดบิตคอยนอนตื่นสายเห็นพระรูปอื่นกำลังได้ดีแต่ก็ไปดึงเขาต่ำลงมาเป็นพระมารศาสนาเกาะผ้าเหลืองแดกดันได้ดีได้ออกกิจนิมนต์บ่อยมีคนสรรเสริญได้ดิบได้ดี...แล้วเวรกรรมมันไม่มีจริงแล้วใช่ไหมครับ....เพราะพระที่ประพฤติตัวดีก็เกิดความท้อใจ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 18 มี.ค. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เพราะจิต เจตสิกมีจริง กรรมคือการกระทำจึงมีจริง กรรมคือเจตนาเจตสิก ในพระไตรปิฎกพระพุทธองค์แสดงเรื่องกรรมและผลของกรรมไว้ในพระสูตรทั้งหลายเป็นจำนวนมาก แม้ในพระอภิธรรมก็มีแสดงเรื่องกรรมไว้มากเช่นกัน แต่นั่นเป็นเรื่องราวของกรรม ตัวกรรมจริงๆ อยู่ที่จิตของเรา เพราะขณะใดตั้งใจทำชั่วขณะนั้นเป็นอกุศลกรรม ขณะใดที่ตั้งใจกระทำความดี ขณะนั้นเป็นกุศลกรรม ดังนั้นกรรมจึงมีจริง

ปัจจุบันหลายคนเริ่มไม่เชื่อว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” บางคนคิดว่า “ผลของกรรมไม่มี ตายแล้ว ไม่มีการเกิดอีก” ถ้าไม่ศึกษาพระธรรม คือ ความจริงให้ถ่องแท้ ก็อาจจะมีความเห็นคล้อยตามข้อความดังกล่าว คือ “คนทำชั่วได้ชั่ว มีที่ไหน คนทำชั่ว ได้ดีมีถมไป” และ “ผลของกรรมไม่มี ตายแล้วสูญ”

เมื่อมีความคิดและมีความเชื่อเช่นนี้ หลายคนจะรู้สึก ท้อแท้ที่จะทำความดี แต่ข้อความต่อไปนี้ อาจจะทำให้ ท่านมีความเชื่อมั่นว่า “ทำดี ได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว” และ “ผล ของกรรมมีจริง และชาติหน้ามีจริง เราต้องเกิดอีกเพื่อรับ ผลของกรรม” แน่นอน

เนื่องจาก จิตเป็นสภาพที่สะสมกรรมและกิเลส และ สืบทอดกรรมและกิเลส ไปยังจิตดวงใหม่ ต่อไปเรื่อยๆ จน กว่ากรรมนั้นจะให้ผล (วิบากจิต) เช่น เมื่อเราได้แอบขโมย ทรัพย์สินของคนอื่น โดยไม่มีใครรู้เห็น เราอาจจะคิดว่า รอดตัวไป เพราะไม่มีใครจับได้ แต่อย่างที่ได้กล่าวไว้ แล้วว่า จิตเป็นสภาพที่สืบทอดกรรมและกิเลส กรรมมี แล้ว (ขโมยแล้ว) ผลของกรรม จะต้องมี และเมื่อถึงเวลา ที่กรรมให้ผล ท่านอาจจะสูญเสียทรัพย์สิน โดยที่ไม่น่า จะเกิดขึ้น เช่น ลงทุนทำอะไร ก็ขาดทุนอยู่เสมอ หรือ ถูกปล้น ถูกขโมยทรัพย์สิน เป็นต้น

กรรมใดได้กระทำแล้วก็เป็นเหตุให้เกิดผล คือ วิบาก แก่ผู้กระทำกรรมนั้นตามควรแก่โอกาสของกรรมนั้นๆ ผู้กระทำกรรมจึงเป็นผู้รับผลของกรรม โดยมีกรรมเป็นกำเนิด คือ เป็นเหตุให้เกิดสุคติภูมิและทุคติภูมิเมื่อเกิดมาแล้วก็มีกรรมเป็นพวกพ้องมีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยเมื่อถึงโอกาสของอกุศลกรรมให้ผล ขณะนั้นก็มีอกุศลกรรมเป็นพวกพ้องมีความวิบัติต่างๆ เกิดขึ้น แม้จากญาติ มิตรสหาย บริวารและ คนอื่นๆ เมื่อถึงโอกาสของกุศลกรรมให้ผลก็ตรงข้ามกับผลของอกุศลกรรมเพราะฉะนั้น ทุกคนจึงมีกรรมเป็นพวกพ้อง มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 18 มี.ค. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๓๖

หญ้าคาอันบุคคลจับไม่ดีย่อมบาดมือนั่นเอง ฉันใด
ความเป็นสมณะ อันบุคคลปฏิบัติไม่ดี ย่อมฉุดเข้าไปในนรก ฉันนั้น



เพศบรรพชิตเป็นเพศที่สูงยิ่ง เป็นที่เคารพกราบไหว้ของคฤหัสถ์ แต่ถ้าพระภิกษุรูปใดไม่ประพฤติตามพระธรรมวินัย ล่วงพระวินัยบัญญัติ และ ไม่แสดงอาบัติ ไม่มีความสำนึกในโทษนั้น ถ้ามรณภาพไปในขณะที่มีอาบัติติดตัวอยู่ ก็เป็นผู้มีอบายภูมิเป็นที่ไปในเบื้องหน้า ไม่ว่าจะบวชสั้นหรือนานเพียงใดก็ตาม เป็นผู้น่าสงสารอย่างยิ่ง

พฤติกรรมที่ปรากฏในคำถาม ชัดเจนว่า นั่น ไม่ใช่พระภิกษุในพระธรรมวินัย ไม่ใช่คนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำผิดมากมาย ตามความเป็นจริงแล้ว อาบัติทุกกอง เป็นเครื่องกั้นการบรรลุมรรคผล เป็นเครื่องกั้นสุคติ คือ เกิดในสุคติภูมิไม่ได้เลย ชาติถัดไป ต้องเกิดในอบายภูมิเท่านั้น ดังนััน ท่านผู้นั้น น่าสงสารอย่างยิ่ง เมื่อเราเห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะไม่ควรของภิกษุ เราก็สามารถไม่ทำการลุกรับกราบไหว้ ตลอดจนถึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา ได้ เพื่อประโยชน์ผู้อื่นจะได้เข้าใจอย่างถูกต้อง ไม่ส่งเสริมสนับสนุนภิกษุทุศีล แต่ไม่ควรโกรธท่านเลย เพราะขณะที่เราโกรธ ไม่พอใจ เราก็ไม่ดีแล้วในขณะนั้น ครับ

ขอเชิญศึกษาจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
เพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

สงสารพระภิกษุที่ไม่ประพฤติตามพระธรรมวินัย
พระภิกษุก็ตกนรกได้
เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาตามพระธรรมวินัย

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 18 มี.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ