อะไรที่วนเวียนในสังสารวัฏฏ์

 
บ้านธัมมะ
วันที่  21 มี.ค. 2565
หมายเลข  42904
อ่าน  938

是什麼在輪迴中流轉

อะไรที่วนเวียนในสังสารวัฏฏ์


問: 為什麼無我(anatta) 但是又有六道輪迴以及不同出生的界呢?

ผู้ถาม: ทำไมจึงไม่มีเรา เป็นอนัตตา แต่มีการเวียนว่ายไปเกิดในภพภูมิต่างๆ?

Ajhan Sujin: 重點是不瞭解真相,如果能瞭解現在這一刻,現在在那裡的是什麼,那麼這件事就可以瞭解了,即使是理智上的瞭解,也是沒有我,只是法。 現在在那裡只是法,不是我,這是究竟實相,並不是我們去想著無我而已。 唯一能瞭解究竟實相一定要有誠實 “真實波羅蜜” 。 現在這一刻“我”在哪裡?什麼是“我”? 有誰能夠找到這個“我”嗎? 我們的想法一直有這個“我”的存在,但是那個究竟實相在哪裡? 這就是能夠真正的瞭解究竟實相之道。 "我"在哪裡? 倘若不能夠真正的瞭解“我”的究竟實相,當然還是會有“我”的概念。 那“我”在哪裡? 在看的並不是"我"是眼識,所以那個“我”在哪裡?

อ.สุจินต์: ที่สำคัญคือไม่ได้เข้าใจความจริง ถ้าเข้าใจเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ เข้าใจสิ่งที่อยู่ที่นั่นว่าคืออะไร ก็จะสามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้เอง ถึงแม้จะเป็นความเข้าใจในขั้นปริยัติ ก็ต้องมั่นคงว่าทุกอย่างเป็นเพียงธรรมะ ไม่มีเรา เดี๋ยวนี้ สิ่งที่อยู่ที่นั่นเป็นเพียงธรรมะ ไม่ใช่เรา นี่ คือความจริง ไม่ใช่เป็นเพียงการที่เราคิดว่าไม่มีเราเท่านั้น ทางเดียวที่จะเข้าใจความจริงได้ จะต้องมีความตรง สัจจบารมี เดี๋ยวนี้ ขณะนี้ "เรา" อยู่ที่ไหน? "เรา" คืออะไร? มีใครสามารถที่จะหา "เรา" เจอได้บ้าง? ในความคิดของเรานั้น มีเราตลอดเวลา แต่ว่าความจริงนั้นอยู่ไหน? นี่คือหนทางที่จะสามารถเข้าใจความจริงจนถึงที่สุดจริงๆ เราอยู่ไหน? ถ้ายังไม่สามารถที่จะเข้าใจ"เรา"จนถึงที่สุด ก็ยังคงต้องคิดว่ามี"เรา"อยู่ แล้ว"เรา"อยู่ไหน? เห็นไม่ใช่ "เรา" แต่เป็นจิตเห็น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็น "เรา" อยู่ไหน?

眼識就是眼識,眼識不能改變,眼識不能是別的, 現在這一刻有沒有“在看”? “在看”是有因緣條件而生起,沒有人能讓“在看”生起,剛剛的“在看”和現在的“在看”不是同一個的“在看”。

จิตเห็นคือจิตเห็น จิตเห็นเปลี่ยนไม่ได้ จิตเห็นจะเป็นอื่นไม่ได้ เดี๋ยวนี้ ขณะนี้มีเห็นไหม? เห็นเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีใครสามารถทำให้เห็นเกิดได้ เห็นเมื่อกี้กับเห็นเดี๋ยวนี้ ก็ไม่ใช่เห็นอันเดียวกัน

一直都是在看嗎?沒有其它嗎? 眼識生起在看,耳識生起在聽,鼻識生起在聞,舌識生起在嚐,身識生起在碰觸,意識生起去想。 除了是心在經驗,有“我”在經驗嗎?

เห็นตลอดเลยหรือเปล่า? มีอย่างอื่นอีกไหม? จิตเห็นเกิดขึ้นเห็น จิตได้ยินเกิดขึ้นได้ยิน จิตรู้กลิ่นเกิดขึ้นได้กลิ่น จิตรู้รสเกิดขึ้นลิ้มรส จิตรู้กระทบสัมผัสทางกายเกิดขึ้นรู้กระทบสัมผัสทางกาย จิตคิดนึกเกิดขึ้นคิด นอกจากจิตที่กำลังรู้ มี"เรา"ที่กำลังรู้ไหม?

倘若眼識沒有生起會有看到嗎? 當耳識生起的那一刻並沒有眼識,眼識和耳識不能在同一刻一起生起。 在看的是眼識,在聽的是耳識,在想的是意識。 那到底“我”在哪裡? 真相就是真相,並沒有任何人在那裡。

ถ้าจิตเห็นไม่เกิดจะมีเห็นได้ไหม? ขณะที่จิตได้ยินเกิดขณะนั้นไม่มีจิตเห็น จิตเห็นกับจิตได้ยินไม่สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันในขณะเดียวกันได้ เห็นคือจิตเห็น ได้ยินคือจิตได้ยิน คิดคือจิตคิดนึก แล้วมี"เรา"อยู่ที่ตรงไหนบ้าง? ความจริงเป็นความจริง ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย

有人可以找到那個“我”嗎? 認為是有一個我的那個認為也只是在想而已,不瞭解真相到底是什麼? “眼識”現在就有,但“眼識”的真相是什麼? 所以“眼識”的究竟實相是什麼?

มีใครสามารถที่จะหาตัวเรานี้เจอได้ไหม? ที่เข้าใจว่ามีตัวเรานี้ ก็เป็นเพียงความคิดเท่านั้น ไม่เข้าใจความจริงว่าแท้จริงแล้วคืออะไร? "จิตเห็น" ก็มีอยู่เดี๋ยวนี้ แต่ความจริงของ"จิตเห็น"คืออะไร? ดังนั้นความจริงถึงที่สุดของ "จิตเห็น" คืออะไร?

Jon: 當我們講無我(anatta)的時候,這是一種描述無我的方式,但是真正的無我就只是法的特徵,法的特徵並不是我,不是我的。 就如剛剛老師一直提到眼識、耳識、鼻識、舌 識、身識、意識、各種各樣法的特徵是 無常 (anicca) 苦 (dukkha) 不是任何東西,不是我,無我 (anatta) 。 真相就只是因緣和合究竟法而已,不能持續,生起立即就滅去了,沒有一個法可以被找得到是有我的存在。 能真正的體驗法的特徵只有非常高的智慧去體驗,除非是很高的智慧去體驗法的特徵,只是自己在理智上的思考揣摩是不可能瞭解法的瞬間生滅是找不到人的。 即使是對聖人而言也是有概念,但聖人不會有錯誤的見解,沒有任何邪見了。 真相只有心、心所 、色法、彼此有關係的因緣和合支助生滅,沒有任何人或東西的存在,這就是真相。 至於六道輪迴再出生在別的界時,那不過只是輪迴中的其中一刻的心識之流生滅而已,不論是哪 一刻的心,結生心或死亡心也只是心跟心所生滅而已。 當我們說沒有人被找得到的時候,指的是沒有任何的形狀物體只有究竟實相心、心所、色法。

จอน: ในขณะที่เราพูดถึงอนัตตา เป็นการอธิบายถึงความไม่มีเรา แต่ตัวอนัตตาจริงๆ คือลักษณะของสภาพธรรม ลักษณะของสภาพธรรมนั้นคือไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ก็เหมือนที่ท่านอาจารย์ได้อธิบายถึง จิตเห็น จิตได้ยิน จิตได้กลิ่น จิตลิ้มรส จิตที่รู้กระทบสัมผัสทางกาย จิตคิดนึก ลักษณะของสภาพธรรมแต่ละอย่างนั้นคือ ไม่เที่ยง (อนิจจัง) เป็นทุกข์ (ทุกขัง) ไม่เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นเราหรือของเรา เพราะไม่มีเรา (อนัตตา) ความจริงเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย เป็นเพียงปรมัตถธรรมเท่านั้น ไม่อาจคงอยู่ได้ เกิดขึ้นแล้วดับไปทันที ในสภาพธรรมนั้นไม่อาจหาความเป็นเราเจอได้เลยแม้สักอย่างเดียว การที่สามารถจะรู้ตรงลักษณะสภาพธรรมได้นั้นต้องเป็นปัญญาระดับที่สูงมากๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่เพียงขั้นปริยัติที่คิดพิจารณาด้วยการคาดคะเนจะสามารถทำให้รู้ถึงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมเพียงชั่วขณะที่เกิดดับ แม้พระอริยบุคคลท่านก็ยังคงมีบัญญัติ แต่ท่านไม่มีความเห็นผิดคือไม่มีมิจฉาทิฏฐิใดๆ เหลืออีกเลย ความจริงมีเพียงจิต เจตสิก รูป เป็นปัจจัยที่อาศัยซึ่งกันและกันเกิดขึ้นแล้วดับไป ไม่มีความเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรืออะไรเลยอยู่ในนั้น นี่คือความจริง ส่วนที่เวียนว่ายไปเกิดในแต่ละภพภูมินั้น นั่นก็เป็นเพียงจิตแต่ละขณะที่เกิดดับสืบต่อในสังสารวัฏฏ์เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นจิตขณะไหนก็ตาม ปฏิสนธิจิตหรือจุติจิตก็เป็นเพียงจิตและเจตสิกที่เกิดดับ

問: 法本身也是存在的 但是生滅的。

ผู้ถาม: ธรรมะก็มีอยู่จริง แต่ว่าเกิดดับ

Jon: 法是真的,法是非常短暫的存在,生起了立即就滅去,只是法,不是我,無我。 心、心所、色法的生滅非常的快,雖然是彼此支助因緣和合而生滅,但它們是自各獨立並沒有組合。 就如老師在解釋心是純淨的,即使生起的是不善的心,那是因為那一刻不善的心所與心一起生起那一刻的心即為不善,但心本身是純淨的,心就是心,心只是去認知,心所就是心所,雖然它們是同生同滅但它們並沒有組合成一體。

ธรรมะคือสิ่งที่มีจริง ธรรมะมีอยู่เพียงชั่วขณะที่แสนสั้นมากๆ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทันที เป็นธรรมะ ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่ใช่เรา ไม่มีเรา จิต เจตสิก รูป เกิดดับเร็วสุดประมาณได้ แม้ว่าจะเป็นปัจจัยที่ต้องอาศัยกันและกันเกิดดับ แต่ทั้งหมดก็เป็นสภาพแต่ละหนึ่ง ไม่ได้รวมเป็นหนึ่งเดียว ก็เหมือนกับที่ท่านอาจารย์กล่าวอธิบายไว้ ถึงแม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นอกุศลจิต นั่นเป็นเพราะว่าอกุศลเจตสิกที่เกิดขึ้นพร้อมกับจิตในขณะนั้น จิตในขณะนั้นจึงเป็นอกุศล แต่ว่าตัวจิตนั้นขาวสะอาด จิตเป็นจิต จิตเพียงรู้แจ้งลักษณะของสิ่งที่จิตรู้เท่านั้น เจตสิกคือเจตสิก ถึงแม้ว่าจิตและเจตสิกจะเกิดดับพร้อมกัน แต่ว่าก็ไม่ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

Sarah: 眼識生起去看,非常短暫的存在,看了立即就滅去,不管是動物的眼識,鬼的眼識,天人的眼識,人的眼識,在六道輪迴裡,看就是看,法就只是法,不管眼識在那裡,眼識就是眼識不被改變。 耳識也一樣就只是去聽的法,不管是昆蟲螻蟻,天人鬼神,不管是在哪一個界,耳識就是耳識,聽見就是聽見不能改變。 當心在思考的時候,一定有很多心所伴隨 例如,尋心所 (vitakka)想心所 (sanna) ...,不管是在哪 一個界裡,心所的功能都不會改變。 我們現在在人界,人界是善業帶來的結果與四惡趣是不同的,因為人界是有機會聽聞佛法。 畜生界是不善的業帶來的結果,會帶來各種各樣動物的形體,動物也有善心生起的機會,只是大部分都是不善心,動物與人有不同的形體,倘若把人,把動物通通拿掉,剩下的就只是心、心所 、色法、都是一樣的。 大象的形體跟老鼠的形體是不一樣,但是不管是大的形體或小的形體都是色法在生滅,以及人的形體就只是色法在生滅而已,即使是無色界沒有色法,但是有名法禪定的心,因此不管是在哪一個界,都只是因緣和合而生起,只是生滅的法。

ซาร่า: จิตเห็นเกิดขึ้นเห็น ตั้งอยู่เพียงชั่วขณะที่สั้นแสนสั้น เห็นแล้วก็ดับไปทันที ไม่ว่าจะเป็นจิตเห็นของสัตว์ จิตเห็นของเปรต จิตเห็นของเทวดา จิตเห็นของมนุษย์ ใน 31 ภูมินี้ เห็นก็คือเห็น ธรรมะก็คือธรรมะ จิตเห็นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ไม่เปลี่ยน จิตได้ยินก็เช่นเดียวกัน เพียงได้ยินเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นมดหรือแมลง เทวดาทวยเทพ ไม่ว่าจะอยู่ในภพภูมิใด จิตได้ยินเป็นจิตได้ยิน ได้ยินเป็นได้ยินเปลี่ยนไม่ได้ ในขณะที่จิตคิดพิจารณานั้น แน่นอนว่าจะต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยมากมาย เช่น วิตกเจตสิก สัญญาเจตสิก... ไม่ว่าจะอยู่ในภพภูมิใด กิจของเจตสิกนั้นๆ ไม่เปลี่ยนแปลง ตอนนี้เราอยู่ในภูมิมนุษย์ ภูมิมนุษย์นั้นเป็นผลของกุศลกรรม ซึ่งต่างจากอบายภูมิ 4 เพราะเหตุว่าภูมิมนุษย์นั้นมีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ภูมิของสัตว์เดรัจฉานเป็นผลของอกุศลกรรม สัตว์ดิรัจฉานนั้นมีโอกาสที่กุศลจิตจะเกิดขึ้นได้ เพียงแต่โดยมากนั้นจะเป็นอกุศลจิต สัตว์ดิรัจฉานกับมนุษย์มีรูปร่างลักษณะที่ต่างกัน แต่ถ้าเอาความเป็นมนุษย์ ความเป็นสัตว์เดรัจฉานออก ก็เป็นเพียงจิต เจตสิก รูป เหมือนกัน รูปร่างของช้างกับรูปร่างของของหนูนั้นไม่เหมือน กัน แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่ใหญ่หรือรูปร่างที่เล็ก ทั้งหมดคือรูปธรรมที่เกิดดับ รวมถึงรูปร่างของมนุษย์ด้วยเป็นเพียงรูปธรรมที่กำลังเกิดดับเท่านั้น แม้อรูปภูมิที่ไม่มีรูปธรรม แต่ก็มีฌานจิตที่เป็นนามธรรม เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในภพภูมิใดก็ตาม ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย เป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดดับ



敬感恩阿姜舒淨 (Ajhan Sujin Boriharnwanaket) 的恩惠

น้อมเคารพในคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

謹以此施法之功德與我們在輪迴裡每一世的父母 師長 同修 親友 仙人 各位讀者及其他一切眾生分享

กุศลในการนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศแด่บิดามารดาในทุกภพทุกชาติ ครูบาอาจารย์ ญาติมิตรสหาย เทวดา และผู้อ่าน รวมถึงสัตว์ทั้งหลาย

By line group Just Dhamma

หมายเหตุ

ที่มา การสนทนาธรรมออนไลน์ระหว่างท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กับ ชาวจีน

สรุปใจความภาษาจีน โดย 陳品彤 เฉินผิ่นถง (คุณแพท)

แปลภาษาไทย โดย คุณปาล สว่างพัฒนกุล (黃如蓮)


อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... บทความแปลภาษาจีน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 21 มี.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ